เมื่อวันที่ 27 ก.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่และเสียชีวิตสูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก จาก https://www.worldometers.info ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์ของไทยเราวิกฤติหนักมากแล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ในขณะที่ประเทศอื่นทั่วโลกอยู่ขาลงของโควิด แต่ประเทศไทยกำลังทะยานขึ้นอย่างน่ากลัว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่นายกรัฐมนตรี ต้องตระหนักถึงความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสของประชาชน ที่เกิดจากความล้มเหลวในการบริหารจัดการโควิดของรัฐบาล จนทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยที่ถือว่าดีติดอันดับโลก ต้องล่มสลาย หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องทำงานหนักจนแทบจะไม่ไหวแล้ว
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ต้องเร่งปรับการทำงาน แก้ไขปัญหาตามที่พรรคไทยสร้างไทยได้เสนอพิมพ์เขียวไปแล้ว โดย 1.ต้องควบคุมการระบาดให้ได้เร็วที่สุด โดยเพิ่มการตรวจเชิงรุก ด้วย Rapid antigen test ในพื้นที่ระบาดหนักสีแดงเข้ม และเมื่อผลตรวจเป็นบวก ต้องรับเข้าระบบดูแลทันที ไม่ต้องไปรอตรวจ PCR เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกจากชุมชน โดยฝึกอาสาสมัครภาคประชาชนให้เป็นผู้ช่วยตรวจในทุกชุมชน 2. ต้องเร่งเพิ่ม Community Isolations โดยใช้โรงเรียน หรือวัดที่อยู่ใกล้ชุมชนและเร่งเพิ่มโรงพยาบาลสนาม (เตียงเขียว) โดยใช้สถานที่ราชการ ที่มีอาคารพร้อม เช่น ค่ายทหาร หรือเช่าโรงแรมที่ว่าง ทำให้เพียงพอรับรองผู้ติดเชื้อ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า 3. เร่งให้ “ยาฟาวิพิราเวียร์” กับผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการ ตั้งแต่อยู่ในชั้น “เตียงเขียว” เพื่อให้หายป่วยกลับบ้านได้ ไม่ต้องรอให้อาการหนักจนต้องส่งต่อโรงพยาบาล เพื่อลดการป่วยหนักการเสียชีวิต และแก้ไขปัญหาเตียงไม่พอ 4. ปรับแผนการบริหารจัดการวัคซีนใหม่ เร่งสั่ง mRNA มาเป็นวัคซีนหลักคู่กับ AstraZeneca โดยต้องสั่ง mRNA เพิ่มให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 10 ล้านโด๊ส ไม่ใช่สั่งแค่ 20 ล้าน อย่างที่ทำอยู่ ซึ่งจำนวน 10 ล้านโด๊ส สามารถจัดหาได้ ถ้านายกฯ ใส่ใจและทุ่มเทสรรพกำลังในการเจรจา
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า 5. ถึงเวลาทะลุทะลวงคอขวดของระบบราชการทั้งหมด ยกเลิกการผูกขาดวัคซีน และยาของหน่วยงานรัฐ ยกเลิกระเบียบขั้นตอนที่ออกกันมามากมาย จนเป็นอุปสรรคต่อผู้ปฏิบัติงานที่ต้องเร่งดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะระเบียบการจ่ายเงิน ที่สำคัญคือต้อง “เลิกการรวมศูนย์อำนาจ” ไว้ที่นายกฯ คนเดียว และต้องยกเลิกศูนย์ต่างๆ ที่ตั้งกันมามากมาย ซึ่งผิดหลักการบริหารในยามวิกฤติ ที่ต้องมีระบบสั่งการที่แม่นยำ และต้องสั้นที่สุด.