รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือเตรียมการหาแหล่งกู้เงินเพิ่มเติมกรณีที่มีความจำเป็นว่า ในแผนบริหารหนี้สาธารณะปีงบ 65 กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าเมื่อถึงสิ้นปีงบ จะมีหนี้สาธารณะอยู่ประมาณ 62% ของจีดีพี ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่กำหนดไม่เกิน 70% ดังนั้นภายในปีนี้หากจีดีพีของประเทศยังมีมูลค่าอยู่ที่ระดับ 16.33 ล้านล้านบาท และรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เพิ่ม จะยังสามารถมีพื้นที่ทางการคลังกู้เงินเพิ่มได้อีก 1.3 ล้านล้านบาท ถึงจะเต็มเพดานที่กำหนดไว้ 70%
อย่างไรก็ตาม การกู้เงินแม้จะมีพื้นที่ให้กู้ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องกู้เต็มทั้งหมด เพราะการกู้ต้องทำเท่าที่มีความจำเป็นจริงๆ และดูทั้งความเหมาะสม วัตถุประสงค์การใช้เงิน แหล่งเงินงบประมาณอื่น รวมถึงต้องไม่สร้างภาระให้ฐานะการคลังของประเทศในระยะยาว
ด้านนางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีพื้นที่ทางการคลังให้สามารถกู้เงินได้ อย่างไรก็ดีในการกู้เงินนั้นจะต้องมีการตรากฎหมายพิเศษมารองรับและต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับ ต้องมีเหตุผล ความจำเป็น เร่งด่วน รวมทั้งต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ชัดเจนด้วย
รายงานจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แจ้งว่า ปัจจุบัน พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ได้มีการแบ่งกรอบวงเงินสำหรับใช้ทางการแพทย์และสาธารณสุข 110,000 ล้านบาท ใช้เยียวยาช่วยเหลือประชาชนจากโควิด 220,000 ล้านบาท และงบสำหรับใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 170,000 ล้านบาท
“ปัจจุบันรัฐบาลมีการอนุมัติและเบิกใช้เงินอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหลือกรอบงบประมาณที่ยังไม่อนุมัติเพียง 70,000 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้นหากจะนำมาใช้ในโครงการใดต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ หรืออาจหาวิธีนำงบประมาณจากแหล่งอื่นมาใช้ เช่น งบประมาณกลาง หรือเงินทุนสำรองจ่ายตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 ที่ให้อำนาจ ครม.อนุมัติใช้เงินได้ 50,000 ล้านบาท ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เป็นต้น”
ส่วนการทำโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ยังไม่มีการยืนยันจากกระทรวงการคลัง แต่ในกรณีหากมีการดำเนินการต่อจริง ๆ จะต้องใช้งบประมาณนับหมื่นล้านบาท เช่น กรณีภายใต้สมมุติฐานมีผู้ใช้สิทธิคนละครึ่งจำนวน 26 ล้านคน เติมเงินคนละ 1,000 บาท รัฐจะใช้เงินสบทบ 26,000 ล้านบาท คนละ 1,200 บาท รัฐจะใช้เงินสบทบ 31,200 ล้านบาท และ 1,500 บาท รัฐจะใช้เงินสบทบ 39,000 บาท