เมื่อวันที่ 25 ก.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เชิญชวนประชาชนงดเหล้า เลิกบุหรี่ ละเว้นอบายมุขในช่วงเข้าพรรษา 2564 เพื่อดูแลสุขภาพตัวเอง ทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจให้เข้มแข็งในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 กำลังระบาดรุนแรงทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ซึ่งการละเว้นอบายมุขทุกประเภทแล้วหันมาดูแลตัวเอง จะทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ทั้งร่างกายและจิตใจ มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากนี้ ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
น.ส.ไตรศุลี กล่าวอีกว่า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดโครงการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาทุกปี โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา พบว่า คนไทยร่วมงดดื่มเหล้าในช่วงเข้าพรรษามากถึง 12.05 ล้านคน แบ่งเป็น งดตลอด 3 เดือนเข้าพรรษา 6.95 ล้านคน งดบางช่วง 2.3 ล้านคน และไม่งดแต่ลดการดื่มลง 2.8 ล้านคน สามารถประหยัดเงินค่าซื้อเหล้าได้ 6,326 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 1,885 บาท/คน ซึ่งผลของการลด ละ เลิกดื่มเหล้า พบว่าประชาชนมีสภาพร่างกายดีขึ้น ร้อยละ 40.7 สุขภาพจิตดีขึ้น ร้อยละ 24.0 สะท้อนให้เห็นว่าการหยุดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นผลดีกับคุณภาพชีวิตทุกมิติ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO และกระทรวงสาธารณสุขไทย พบว่า ผู้สูบบุหรี่ มีโอกาสติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าคนปกติหลายเท่า และการสูบบุหรี่ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดอาการรุนแรงจนถึงเสียชีวิตในผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 กำลังมีการระบาดรุนแรงอยู่ขณะนี้ รัฐบาลจึงขอเชิญชวนประชาชนลด ละ เลิกพฤติกรรมเสี่ยง อันเกิดจากสิ่งอบายมุข เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง
“นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชนในเรื่องดังกล่าว จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มการรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงพิษภัยของเหล้า บุหรี่ และสิ่งอบายมุขทั้งปวง พร้อมสร้างแรงจูงใจในการ ออกกำลังกาย แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ภาครัฐจะขอให้งดเดินทางออกนอกบ้าน แต่ก็สามารถออกกำลังกายภายในบ้านหรือที่พัก รัฐบาลต้องการให้ประชาชนมีสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง สิ่งสำคัญคือการงดเหล้า เลิกบุหรี่และอบายมุข ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อีกทางหนึ่ง โดยการลด ละ เลิกอบายมุข ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากในสถานการณ์เช่นนี้”น.ส.ไตรศุลี กล่าว.