นายประสิทธิ์ สาขา ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสกลนครที่ 1 กรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า แขวงฯ ได้ดำเนินกิจกรรมปรับปรุงภูมิทัศน์และสถาปัตยกรรมทางหลวงหมายเลข 213 ตอนควบคุมที่ 0302 ตอนสร้างค้อ-สกลนคร บริเวณโค้งปิ้งงู ช่วง กม.ที่ 155+550-157+275 ระยะทาง 1.725 กม. พื้นที่ ต.ห้วยยาง อ.เมือง จ.สกลนคร งบประมาณ 13,792,000 บาท เริ่มสัญญา 8 ก.พ.-7 ก.ค.65 ระยะเวลา 150 วัน โดยมีห้างหุ้นส่วนจำกัด สุภสิริก่อสร้าง เป็นผู้รับจ้าง

ปัจจุบันผู้รับจ้างได้ดำเนินการเข้าพื้นที่ ปรับดินบริเวณโค้งปิ้งงูที่จะดำเนินการปรับภูมิทัศน์แล้ว จากนั้นจะเทคอนกรีตให้เป็นลักษณะรูปเลขเก้าไทย ก่อนจะนำต้นชมพูพันธุ์ทิพย์มาปลูกบริเวณรอบเลขเก้าไทย ซึ่งระหว่างรอดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บานเต็มที่ แขวงฯ จะนำต้นซากุระเทียม ซึ่งมีสีชมพูมาตกแต่งเพิ่มบริเวณเลขเก้าไทยให้แล้วเสร็จบางส่วนก่อน

เพื่อจะเตรียมเปิดให้ประชาชนเข้าชมพื้นที่บางส่วนรองรับการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 65 เพื่อเพิ่มสีสันและจุดเช็กอินบริเวณโค้งปิ้งงูให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หลังจากผ่านสงกรานต์ไปแล้ว จะดำเนินงานต่อให้แล้วเสร็จตามสัญญาที่ระบุไว้ เพื่อให้โค้งปิ้งงูเลขเก้าไทย มีความสมบูรณ์ต่อไป

นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้แขวงฯ เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางสงกรานต์ โดยจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางที่อยู่ในความรับผิดชอบระยะทางกว่า 600 กม. เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมบริเวณที่มีการชำรุด ติดตั้งป้ายจราจร ป้ายเตือนต่างๆ ตีเส้นจราจรให้มีความเด่นชัด ทาสีเสาหลักนำทาง และตัดหญ้าบริเวณสองข้างทาง หรือเกาะกลางถนน ตรวจสอบไฟส่องสว่าง เพิ่มการมองเห็นและทัศนวิสัยในการขับขี่ให้สะดวก ปลอดภัย และลดอุบัติเหตุ

ตลอดจนกำชับผู้รับจ้างในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่มี 1 โครงการ คือ โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 223 ตอนสกลนคร-อ.นาแก ระหว่าง กม.26+250-กม.39+817 แล กม.50+981-กม.53+164 ในพื้นที่ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร และ อ.นาแก จ.นครพนม รวมระยะทาง 15.750 กม. งบประมาณ 599,292,000 บาท

นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างจากถนนขนาด 2 ช่องจราจร ไป-กลับ เป็น 4 ช่องจราจรไป-กลับ ซึ่งให้ผู้รับจ้างเตรียมคืนผิวจราจรตามนโยบายที่กระทรวงคมนาคม และ ทล. กำหนดในช่วงอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ทางช่วงสงกรานต์ รวมทั้งตรวจสอบป้ายจราจร ป้ายเตือน และไฟส่องสว่างตามโครงการให้พร้อมใช้งานและปลอดภัย ทั้งนี้เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภายในประเทศในช่วงวันหยุดหยุดยาว ที่คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวจำนวนมาก ตลอดจนเดินทางเชื่อมกลุ่มจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ให้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย