เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองนครพนม พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน อดีตรอง ผบ.ตร. ในฐานะที่ปรึกษา ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รอง ผวจ.นครพนม นายพรต ภูภักดิ์ปลัดจังหวัดนครพนม พ.อ.ปราโมทย์ เนียมสำเภา รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี นำเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานสาธารณสุขอำเภอ  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจทหาร ผู้นำชุมชนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานปราบปรามยาเสพติด ร่วมเปิดการอบรมติวเข้มโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดนครพนม แบบครบวงจร ตามนโยบายรัฐบาล โดยได้มีการ นำวิทยากรจากหน่วยงานความมั่นคง รวมถึงเจ้าหน้าที่ทีมป้องกันปราบปรามยาเสพติด ในพื้นที่ 12 อำเภอเข้าร่วมหารือ ทำความเข้าใจ รับทราบปัญหา วางแนวทางการปฏิบัติงาน เกี่ยวกับการป้องกันปราบปรามยาเสพติดเชิงรุก ในพื้นที่ชุมชนหมู่บ้านเป้าหมายนำร่อง 19 ชุมชน เน้นพื้นที่ชายแดนเป็นหลัก เพื่อส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ฝังตัวระยะแรก เป็นเวลา 3 เดือน สร้างความร่วมมือกับชุมชน ในการตรวจสอบคัดกรอง ผู้เสพ นำมาเข้าสู่ขบวนการบำบัด ขยายผลสู่ผู้ค้า เครือข่ายข้ามชาติ เพื่อตัดวงจรการค้าข้ามชาติ รวมถึงสรุปปัญหาปัจจัยพื้นฐาน ที่มาของยาเสพติดในชุมชน โดยใช้ความร่วมมือกับชุมชน ตั้งเป้าพื้นที่ จ.นครพนม เป็นจังหวัดนำร่องในการแก้ไขปัญหา เพื่อขยายผลไปยังพื้นที่ชายแดน ของภาคอีสาน รวมถึงเป็นต้นแบบในการแก้ไขปัญหายาเสพติดเชิงรุกระดับประเทศ ทั้งนี้ในส่วนของ จ.นครพนม ถือว่าเป็นพื้นที่ชายแดน ที่ยังมีปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด จากสถิติการจับกุมช่วงปีที่ผ่านมา ยึดกัญชานำเข้าจากลาว ได้มากกว่า 10 ตัน ยาบ้ามากกว่า 20 ล้านเม็ด 

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน อดีตรอง ผบ.ตร. ในฐานะที่ปรึกษา ป.ป.ส. เปิดเผยว่า ตนในฐานะคณะทำงานที่ปรึกษา ป.ป.ส. รับหน้าที่สานต่อนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดเชิงรุก ได้คัดเลือกพื้นที่ จ.นครพนม นำร่องคัดเลือกหมู่บ้านเป้าหมาย จำนวน 19 ชุมชน ในพื้นที่ 12 อำเภอ เพื่อระดมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ร่วมกับชุมชน ลงพื้นที่ ตรวจสอบติดตามพฤติกรรม เบาะแส กลุ่มผู้เสพยาเสพติด เข้ารับการบำบัดรักษารวมถึงขยายผลไปยังกลุ่มผู้ค้า ทั้งรายย่อย รายใหญ่ เป็นการตัดวงจรการค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยได้ดำเนินการมาต่อเนื่อง แต่ปีนี้จะต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ ทำให้มีการเพิ่มกลุ่มผู้เสพ ผู้ค้ามากขึ้น จะเน้นให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ฝังตัวในชุมชนเป้าหมายระยะแรก 3 เดือน อยู่กับชุมชนหมู่บ้าน จนสร้างความมั่นใจว่า เป็นหมู่บ้านสีขาว ทำงานปราบปรามยาเสพติดแบบครบวงจร สร้างความร่วมมือระหว่างชุมชน คัดกรองผู้เสพ ผู้ค้า ประเมินวางแนวทางป้องกันแก้ไข จนกว่าจะมีความมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาซ้ำอีกก่อนที่จะขยายผลไปยังชุมชนเป้าหมาย โดยมั่นใจว่าหากทำงานเชิงรุกในหมู่บ้านเป้าหมาย แลละครบวงจร ทั้งคัดกรอง รวมถึงดำเนินคดีตามกฎหมาย ถึงแม้จะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดมาตามแนวชายแดน ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถลดปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดเป็นอย่างดี สำคัญที่สุดจะต้องได้รับความร่วมมือกับชุมชน