ศึกคาราบาว คัพ 2021/22 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 9 และเป็นแชมป์ฟุตบอลถ้วยภายในประเทศรายการแรกในรอบทศวรรษได้สำเร็จ หลังดวลจุดโทษดับ เชลซี แบบสุดมัน 11-10 หลัง 120 นาทีกินกันไม่ลงเสมอ 0-0
เกมนี้ทั้ง 2 ทีมเปิดเกมรุกเข้าใส่กันอย่างสนุก โดย ลิเวอร์พูล เกือบจะได้ประตูขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 68 เมื่อ โฌแอล มาติป โขกบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้สำเร็จ แต่โดน VAR ริบประตูคืนเนื่องจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการได้ประตูยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
ส่วน เชลซี ก็ชวดโอกาสได้ประตูอย่างน่าเสียดายเช่นกัน เมื่อ ติโม แวร์เนอร์ เปิดบอลให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ โหม่งเข้าประตูไปในนาทีที่ 78 แต่สุดท้ายก็เฮเก้อ เมื่อไลน์แมนยกธงให้เป็นจังหวะล้ำหน้าของ แวร์เนอร์ ไปแล้ว ครบ 90 นาทีทั้ง 2 ทีมจึงเสมอกันอยู่ 0-0 ต้องไปวัดกันต่อไปในช่วงเอ็กซตราไทม์
ช่วงต่อเวลาพิเศษ เชลซี ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้อีก 2 ครั้งจาก โรเมลู ลูกากู และฮาแวร์ตซ์เจ้าเก่า ทว่าก็ต้องเฮเก้อเหมือนเดิมเพราโดนจับล้ำหน้าไปทั้ง 2 ครั้ง ครบ 120 นาที เชลซี จึงเสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 ต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษผลปรากฏว่า “หงส์แดง” ยิงแม่นกว่าเอาชนะไปได้แบบสุดมัน 11-10 โดยคนที่ยิงพลาดของฝั่ง “สิงห์สำอาง” เป็น เกปา อาร์ริซาบาลากา นายทวารชาวสแปนิช ที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองแทน เอดูอาร์ เมนดี ในนาทีที่ 120 เพื่อเล่นในช่วงดวลจุดโทษโดยเฉพาะ.
ภาพ REUTERS