เมื่อวันที่ 16 ก.พ. นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัด กทม. เปิดเผยว่า จากประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2565 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงและความเค็มรุกตัวบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. 65 โดยข้อมูลฐานน้ำขึ้นสูงสุดแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าสถานีป้อมพระจุลจอมเกล้า จะเกิดภาวะน้ำทะเลขึ้นเต็มที่ใน 3 ช่วง ดังนี้

ช่วงที่หนึ่ง วันที่ 14-18 ก.พ. 65 ระดับน้ำอยู่ที่ +1.40 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ช่วงที่สอง วันที่ 28 ก.พ.-4 มี.ค. 65 ระดับน้ำอยู่ที่ +1.50 ม.รทก. และช่วงที่สาม วันที่ 16-18 มี.ค. 65 ระดับน้ำอยู่ที่ +1.25 ม.รทก. ประกอบกับอิทธิพลของลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้ในช่วงดังกล่าวเกิดสภาวะน้ำทะเลหนุนสูง

เบื้องต้น กทม. ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งและการรุกตัวของน้ำเค็ม โดยมีการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำในเขื่อน ปริมาณการระบายน้ำ และสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง อาทิ จัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความแข็งแรงของเขื่อนตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 2 ฝั่ง, เฝ้าระวังจุดแนวฟันหลอที่ยังไม่มีเขื่อนป้องกันถาวร, เตรียมความพร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อรับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในช่วงเวลาดังกล่าว

ส่วนการป้องกันปัญหาน้ำเค็มรุกตัวในพื้นที่ กทม. สำนักการระบายน้ำ (สนน.) ได้ตรวจวัดค่าความเค็มแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นประจำทุกวัน หากมีค่าความเค็มเกินมาตรฐาน จะดำเนินการปิด-เปิดประตูระบายน้ำตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเค็มรุกเข้าในพื้นที่คลองด้านใน และใช้อุโมงค์ระบายน้ำ สถานีสูบน้ำบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมถึงประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่ใช้น้ำในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับกรมชลประทาน และการประปานครหลวง ใช้สถานีสูบน้ำแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร่วมปฏิบัติการผลักดันลิ่มน้ำเค็มหรือ Water Hammer Operation เพื่อช่วยผลักดันลิ่มน้ำเค็มไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาให้ได้มากที่สุด.