บรรยากาศหุ้นไทยวันที่ 20 ก.ค.64 เคลื่อนไหวในแดนลบ เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ จากปัจจัยกดดันทั้งในไทยและต่างประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธ์เดลต้าทั่วโลก และการยกระดับคุมพื้นควบคุมสูงสุดและเข้มงวดรวม 13 จังหวัด พร้อมขยายเคอร์ฟิวช่วง 3 ทุ่มถึงตี 4 มีผลเพิ่มอีก 14 วัน และราคาน้ำมันปรับลดลง ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 1,538.86 จุด ลดลง 17.15 หรือ 1.10% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 92,956.58 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 500.34 จุด ลดลง 6.74 จุด หรือ 1.33% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6,290.53 ล้านบาท

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มีแรงกดดันจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นนานหลายเดือน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภค รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มลดลงหลังจากกลุ่มโอเปก มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและเครื่องมือแพทย์ ที่จะประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 64 ในช่วงกลางเดือน ส.ค.นี้ คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตสูงจากฐานที่ต่ำในงวดเดียวกันของปีก่อน

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

1.ปตท. ปิดที่ 35.75 บาท ลดลง -0.75 บาท

2.เอสเอ็นเอ็นพี ปิดที่ 10.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท

3.ธ.กสิกรไทย ปิดที่ 109.00 บาท ลดลง -3.50 บาท

4.กันกุล ปิดที่ 4.90 บาท ลดลง -0.10 บาท

5.เอโอที ปิดที่ 58.00 บาท ลดลง -1.75 บาท