เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี  เกิดเหตุการณ์แพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ ของโรงพยาบาลบ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ต้องสลดใจ เมื่อมีผู้ป่วยโควิด-19 ลูกหลานชาว อ.บ้านผือ เดินทางจากกรุงเทพฯ นัดหมายเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.บ้านผือ ตามปฏิบัติการ “นำลูกหลานอุดรธานีกลับบ้าน” ซึ่งโรงพยาบาลนัดรับผู้ป่วยไว้แล้ว แต่เมื่อเดินทางมาถึงพบว่าเสียชีวิต ขณะผู้ที่เดินทางมาด้วยอีก 4 คน ภรรยา แม่ และลูก รพ.รับตัวไว้ในฐานะผู้สัมผัสเสี่ยงสูง   

ภรรยาผู้เสียชีวิต เล่าให้ทีมสอบสวนควบคุมโรคฟังว่า สามี อายุ 43 ปี ทำงานเป็นพนักงานขับรถ ให้ผู้บริหารโรงงานแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ภรรยาทำงานในออฟฟิศโรงงานเดียวกัน ในโรงงานมีคนติดเชื้อโควิด สามีก็มีอาการไข้ ผลตรวจยืนยันว่าติดเชื้อ ก่อนหน้าเดินทางหลายวัน ก็พยายามกักตัวตามคำแนะนำ แม่ที่อยู่ด้วยก็มีอาการไข้ จนสามีได้นัดเข้ารักษาที่โรงพยาบาลย่านพระราม 2 แต่แม่ยังไม่ได้รับนัดตรวจ จนเย็นวันที่ 18 กรกฎาคม สามีชวนทุกคนขับรถกลับบ้านที่อุดรฯ ซึ่งมีตัวสามี ภรรยา แม่ และลูก 2 คน รวมเป็น 5 คน ทุกคนสวมใส่ชุด PPE

ทั้งนี้ตนเองเป็นคนขับรถฟอร์จูนเนอร์ สีดำ นั่งกับลูกคนโตด้านหน้า แม่และลูกคนเล็กนั่งเบาะกลาง ส่วนสามีมีอาการเพลีย นอนอยู่เบาะท้ายรถ ออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ 20.00 น. ด้วยการเปิดกระจกรถทั้งหมด คนในรถพูดคุยกันมาเรื่อย ๆ มุ่งหน้ามาโรงพยาบาลบ้านผือ จ.อุดรธานี แบบไม่จอดพักที่ไหน โดยช่วงระหว่าง จ.นครราชสีมา-ขอนแก่น สามีเริ่มเงียบเสียงไป ภรรยาคิดว่าสามีคงเพลียหลับ จึงตั้งใจขับรถจนมาถึงโรงพยาบาลบ้านผือ เวลา 04.25 น. วันที่ 19 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพบว่าสามีเสียชีวิตแล้ว 

ด้าน นพ.ทวีรัชต์ ศรีกุลวงศ์ รองนายแพทย์ สสจ.อุดรธานี รักษาการ ผอ.รพ.บ้านผือ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตได้โทรศัพท์ติดต่อปรึกษาโรงพยาบาลบ้านผือ เพื่อเดินทางกลับมารักษาที่บ้าน ทางโรงพยาบาลได้ยืนยันรับรักษา ตามปฏิบัติการของอุดรธานี โดยเจ้าตัวจะเดินทางมาเอง แต่ก็มาเสียชีวิตก่อนถึง รพ. ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยอีกคนที่รักษามาตรการ ไม่ให้เชื้อแพร่ไปยังผู้อื่น และพยายามปกป้องครอบครัวตนเอง ที่สุดเขาก็ต้องเสียชีวิต  

ส่วน ภรรยา แม่ และลูก 2 คนเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ผลการตรวจหาเชื้อพบว่า ภรรยา และแม่ เป็นผู้ติดเชื้อโควิด เข้ารักษาตัวที่ รพ.บ้านผือ เบื้องต้นเป็นป่วยสีเขียว ส่วนลูก 2 คน ตรวจรอบแรกด้วย ผลออกมาว่าไม่ติดเชื้อ จึงส่งเด็กทั้งสองไปให้ญาติ กักตัวดูแลตามมาตรการ และรอผลตรวจหาเชื้อ พีซีไอ. อีกครั้ง ทั้ง 4 คนอยู่ในความดูแลของหมอแล้ว