“แหลม”ฟื้นป่วยบอกเสียใจยันขอสู้ต่อไม่เลิกชก

ความคืบหน้าของ ”เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น รองแชมป์โลกอันดับ 1 รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต (115 ปอนด์) สภามวยโลก (WBC) อดีตแชมป์โลก WBC รุ่นนี้ 2 สมัย วัย 35 ปี ซึ่งถูกถอดออกจากโปรแกรมการชิงแชมป์โลกกับคู่ปรับเก่า “ไอ้หลังลาย” คาร์ลอส คูเอดราส รองแชมป์โลกอันดับ 3 วัย 33 ปี ชาวเม็กซิกัน ในวันที่ 5 ก.พ.นี้  ตามเวลาท้องถิ่น ที่ฟุตปรินท์ เซ็นเตอร์ เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยโปรโมเตอร์ เอ็ดดี เฮิร์น จากแมตช์รูม ดึงเอา เจสซี โรดิเกซ นักมวยดาวรุ่งชาวสหรัฐอเมริกาที่ฟอร์มแรง ชนะมา 14 ไฟต์รวด (น็อก 10) ไม่เคยแพ้ใคร ที่เดิมชกเป็นคู่รอง เลื่อนมาเป็นคู่ชิงกับ คูเอดราส แทน และ WBC รับรองแล้ว แต่เดิม โรดริเกซ ชกอยู่ในพิกัด 108-112 ปอนด์ เท่านั้น ขยับรุ่นขึ้นมา ให้รายการชกคงอยู่

ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ตามเวลาเมืองไทย “เสี่ยฮุย” สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ ผู้จัดการของ ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ศรีสะเกษ เกิดป่วยเป็นไตอักเสบ จำเป็นต้องถอนชก ไม่ได้คิดโควิด-19 ตามที่ลือกันช่วงแรก โดยหลังจากการฝึกซ้อมเมื่อคืนวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ศรีสะเกษมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ต้องให้แจ้งโรงแรมที่พักอยู่ นำแพทย์มาตรวจคือ นายแพทย์ สตีเวน ริคกี มาตรวจที่ห้องพักก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลในเมือง ซึ่งตนและทีมงานไม่สามารถเข้าไปในห้องรักษาได้ จึงไม่ทราบว่าป่วยด้วยโรคอะไรกันแน่ ต้องให้ศรีสะเกษนอนพักที่โรงพยาบาล 1 คืน โดยตนได้แจ้งให้แมตช์รูมรับทราบถึงเรื่องดังกล่าว จนกระทั่งตอนเช้า แพทย์เจ้าของอาการได้บอกว่าเป็นอาการของไตอักเสบ ไม่ใช่ไส้ติ่งอักเสบ หรือเกี่ยวข้องกับโควิด-19 แต่อย่างใด เมื่ออาการดีขึ้นก็กลับมาพักฟื้นที่โรงแรมและมีอาการอ่อนเพลียอยู่ ศรีสะเกษ จำเป็นต้องใช้เวลารักษาไตอักเสบสักระยะหนึ่ง

“เสี่ยฮุย” เปิดเผยอีกว่า ตอนที่อยู่เมืองไทย ศรีสะเกษ ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน หลายคนอาจคิดว่าเกี่ยวข้องกับการใช้ยาขับปัสสาวะหรือเปล่า ตนยืนยันว่าที่ค่ายไม่เคยใช้ยาขับปัสสาวะเพื่อลดน้ำหนัก เพราะรู้ดีว่าเป็นสารต้องห้ามในวงการกีฬา จึงห้ามแตะต้องเด็ดขาด และนักมวยก็ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักด้วย ตนได้แจ้งให้สภามวยโลก (WBC) รับทราบแล้ว ว่าจำเป็นต้องถอนตัวจากการชิงแชมป์โลกในครั้งนี้ ส่วนที่ว่าจะมีโอกาสได้ชิงอีกเมื่อไหร่ ยังไม่ได้หารือกับฝ่ายจัดการแข่งขันและทางสถาบัน WBC ตนยอมรับว่าผิดหวังและเสียดายมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ตอนที่ ศรีสะเกษ ไปโรงพยาบาล เขายังหวังว่าจะได้ขึ้นชกอยู่ แต่พอออกจากโรงพยาบาลถึงรู้ว่าไม่ได้ชิงแล้ว เขาก็เสียใจมาก แต่ความปลอดภัยต้องมาก่อน ส่วนกำหนดการเดินทางกลับไทย ก็ยังเป็นกำหนดการเดิมคือวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ซึ่งต้องกักตัวก่อนตามนโยบายควบคุมโรคของสาธารณสุขไทย

นอกจากนั้น สำหรับอาการล่าสุดของเจ้าแหลม เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ (ตามเวลาไทย) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก “เสี่ยฮุย” ว่าตอนนี้อาการของเจ้าแหลมดีขึ้นแล้ว และตนได้พามารับประทานอาหารนอกโรงแรมที่ร้านอาหารไทย-บราซิล ซิกเนเจอร์ ซึ่งก็สามารถรับประทานได้ตามปกติ ก็ต้องฝากขอโทษแฟนมวยชาวไทยทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้กับทีมงานทุกคน พวกเราเสียใจที่ไม่ได้ชิงแชมป์โลกในครั้งนี้ ทั้งที่เตรียมตัวมานานแรมปี ช่วงโควิดเราก็ซ้อมตลอด แต่เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยไม่อาจคาดเดาได้ 

“กลับไปไทยงวดนี้จะได้พาศรีสะเกษไปให้หมอเฉพาะทางด้านไตได้เช็กละเอียด เพื่อทำการรักษาให้หายดี ที่หลายคนบอกว่านักมวยลดน้ำหนักมากเกินไปหรือเปล่า ใช้ยาขับปัสสาวะหรือไม่ ผมยืนยันอีกครั้งเลยว่า ศรีสะเกษไม่ได้ลดเยอะเลย ก็ลดตามปกติ ชกแต่ละครั้งก็ประมาณ 5-6 กก. ซึ่งก็เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา ส่วนเรื่องยายิ่งไม่ได้เลย เพราะยาขับปัสสาวะ องค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (WADA) หรือวาดา ที่ดูแลเรื่องสารกระตุ้นเขาไม่ยอมถ้าเรากินก็ตรวจเจอแน่ และที่ค่ายก็ไม่มีนักมวยคนไหนใช้ยาแบบนี้” เสี่ยฮุย ยัน ส่วนโอกาสที่จะกลับมาชิงแชมป์โลกอีกครั้งนั้น “เสี่ยฮุย” เผยว่าตอนนี้ตนยังไม่ได้พูดคุยกับ เอ็ดดี เฮิร์น โปรโมเตอร์ของแมตช์รูม เพราะตอนนี้เขาก็ยุ่งๆ กับการจัดมวยในสัปดาห์นี้ ต้องรอให้เสร็จก่อนนั่นแหละถึงจะคุยกัน แต่ก็น่าจะอยู่ที่เราว่าพร้อมแค่ไหน ตนได้พูดคุยกับ ศรีสะเกษ แล้วยืนยันว่าไม่เลิกแน่ เขาบอกกับตนว่าถ้าเสี่ยยังหนุนก็พร้อมสู้ต่อแน่นอน แม้ว่าอายุจะ 35 ปีแล้วก็ตามที

ขณะที่ทางสภามวยโลก (WBC) ได้รับทราบเรื่องนี้ และออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ของ WBC แล้ว แม้ยังมีความคลาดเคลื่อนว่า “เจ้าแหลม” ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ เชื่อว่า “เสี่ยฮุย” จะแจ้งสาเหตุที่ถูกต้องอีกที ซึ่ง สภามวยโลก (WBC) ชี้ว่า หลังจบไฟต์ชิงแชมป์โลกของ คูเอดราส กับ โรดริเกซ และไฟต์ตัดเชือกระหว่าง โรมัน กอนซาเลซ ยอดมวยนิการากัว ที่จะชกกับ ฮูลิโอ ซีซาร์ มาร์ติเนซ วันที่ 5 มี.ค.นี้ ที่ซานดิเอโก, สหรัฐอเมริกา ซึ่ง มาร์ติเนซ มาชกแทน ฮวน ฟรานซิสโก เอสตราดา นักชกจังโก้ที่ติดโควิด แล้วทาง WBC จะมีการพิจารณาอีกครั้ง ว่า ผู้ชนะคู่ชิงแชมป์โลกที่ว่างระหว่าง คูเอดราส-โรดริเกซ จะป้องกันแชมป์โลกไฟต์แรกกับใคร หรือใครจะได้สิทธิเป็นผู้ท้าชิงก่อน จากเดิมที่ WBC กำหนดว่า ผู้ชนะระหว่าง “แหลม-คูเอดราส ภาค 2” จะต้องมาป้องกันแชมป์โลกไฟต์แรกกับผู้ชนะคู่ “เอสตราดา-โรมัน ภาค 3” เป็นศึกซูเปอร์ฟลายซีรีส์ แต่ตอนนี้ต้องมาพิจารณาใหม่หมด เพราะเกิดเหตุดังกล่าว และ WBC ย้ำว่า นักชกที่ติดโควิด หายแล้ว ต้องมีใบรับรองการตรวจอวัยวะภายใน และการตรวจทางจิตวิทยาจากแพทย์ จึงจะกลับมาชกได้ เพราะโควิด มีผลถึงอวัยวะภายใน และสภาพจิตใจนักมวยด้วย