รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าตลกขั้นเทพอย่าง นุ้ย เชิญยิ้ม คืออีกหนึ่งคนขึ้นแท่นตำแหน่งพ่อบ้านใจกล้าเกรงอกเกรงใจศรีภรรยา ตั๊ก ศิริพร เป็นที่สุด แม้จะโดนเมาท์มอยผสมบ่นด่าอยู่บ่อยๆ แต่เจ้าตัวก็ไม่กล้าปริปากเถียงสักคำ ล่าสุดสบโอกาสดี หนุ่มนุ้ยเลยมาเผาสาวตั๊กผ่านรายการ ทอล์ก-กะ-เทยส์ ทางช่อง GMM25 ซะเลย บอกได้คำเดียวว่ามีทั้งประเด็นเรียกเสียงฮาและความดราม่าที่ทำให้ทั้งคู่เกือบจะต้องเลิกกันด้วย

นุ้ย เผยว่า “เรื่องพี่ตั๊กเข้าสู่วัยทอง คือเค้าชอบบอกคนอื่นว่าพี่งอนเค้า แต่จริงๆ แล้วพี่ก็ไม่กล้างอนอะไรมากมาย แต่เค้าอะสิ เวลาโมโหชอบขึ้นเสียง โวยวายเสียงดัง แล้วเราเป็นคนขี้ตกใจ โวยวายทีก็สะดุ้งที ยิ่งกว่านั้นคือแค่มองตาก็ผวาแล้วอะ อย่างเวลาที่เข้านอนอยู่แล้วเราต้องออกไปทำงานตอนเช้า แค่เสียงไขลูกบิดประตูดังแกรก!!! เค้าตื่นแล้วก็ถลึงตาใส่ทันที เรานี้แบบหัวใจแทบจะวาย ที่พีคมากกว่านั้นคือเวลาที่เราเข้าห้องน้ำไปฉี่ พอเราออกจากห้องน้ำปุ๊บ เค้าจะรีบเดินไปเช็กในห้องน้ำทันทีว่าฉี่เรากระเด็นไปโดนฝาชักโครกไหม คือแบบขนาดฉี่กระเด็นเป็นหยดเล็กนิดเดียวยังมองเห็น แล้วที่นี่ก็งานใหญ่โดนบ่นไม่เลิกว่า ทำไมต้องฉี่ให้กระเด็นขนาดนี้ แล้วทำไมไม่รู้จักเช็ดทำความสะอาด เราก็ไม่รู้ว่ามันจะกระเด็นกระดอนขนาดนั้น ก็เรียกว่าเสียเวลาไปนานเพราะมัวแต่เถียงกันเรื่องฉี่แล้วกระเด็น พักหลังก็เลยตัดปัญหาโดยการไปเข้าห้องน้ำอีกห้องแทน คือกลายเป็นโรคผวากลัวโดนบ่นไปเลย”

“เรื่องการอาบน้ำนานของแม่ตั๊กนะเอาจริงๆ คือคนบ้าอะไรเข้าห้องน้ำนานมาก นานจนผิดปกติ กว่าจะล้างหน้า ต่อด้วยมาส์กหน้า และกว่าจะได้อาบน้ำเป็นชั่วโมงอะ แต่ตอนที่เค้ามาส์กหน้าเราไม่ตกใจนะ เราตกใจตอนที่ล่าสุดเค้าไปฉีดฟิลเลอร์ปากกับใต้ตามา พอเห็นหน้าปุ๊บ เราก็สะดุ้งตกใจ เพราะตามันบวมมาก แถมมองตรงปากก็เหมือนคนเดินแลบลิ้นอยู่ตลอดเวลา เราก็แบบทักทักทีว่าแม่ไปทำอะไรมา เค้าก็บอกไม่เป็นไรเดี๋ยวมันก็ยุบแล้ว ที่ไหนได้วันต่อไปต้องไปแก้ทันที แต่สุดท้ายเราก็เข้าใจว่าผู้หญิงก็จะรักสวยรักงามอยู่แล้ว”

นุ้ย เล่าต่อว่า “แต่ที่มีข่าวว่าตอนไปวัดผาซ่อนแก้ว เกือบได้เลิกกันเพราะความขี้หงุดหงิดของพี่ คือแต่ก่อนเราเป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิด ชอบใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาทุกอย่าง แล้ววันนั้นเป็นช่วงเทศกาลครอบครัวเราก็ไปเที่ยวไหว้พระที่วัดผาซ่อนแก้วกัน แล้วคนเดินทางเยอะ รถมันก็ติด ก็เลยระเบิดลงทะเลาะกับแม่ยายอย่างหนัก จนเกือบทำให้เลิกกัน ซึ่งจริงๆ แล้วตั๊กก็เตือนแล้วว่าคนมันเยอะนะ ให้เราอยู่บ้านไม่ต้องไป แต่เราดื้ออยากไปเองไง เลยเป็นเรื่องขึ้นมาเลย คือเหตุการณ์มันแบบอีกประมาณ 1 กิโลเมตรจะถึงวัดอยู่แล้ว แต่รถมันติดมากจนเราทนไม่ไหว เลี้ยวรถกลับทันที ข้างหลังก็นั่งเงียบทั้งคันรถไม่พูดกันเลย จนมาถึงบ้านที่พิษณุโลก เราก็เดินไปเก็บกระเป๋าจะกลับกรุงเทพฯ ทันที”

“พอแม่ยายเห็นเท่านั้นแหละ เตะกระเป๋าเดินทางเรากระเด็นเลย ซึ่งเรากลัวมาก เพราะแม่ยายเวลาที่โกรธจะอารมณ์เดือดมาก เราก็รีบคว้ากระเป๋าแล้วขับรถกลับกรุงเทพฯ ทันที ในระหว่างทางเราก็คิดแล้วว่าเราผิดที่ทำให้แม่ยายโกรธ วันรุ่งขึ้นเลยตั้งใจจะไปขอโทษขอขมาแม่ยายตอนที่เขาไปทำบุญที่วัด แต่เขาไม่หายโกรธไม่ยอมยกโทษให้ ผ่านไปหลายเดือนไม่รู้จะทำไงเราก็เลยแต่งเพลงปีใหม่เหงาที่เขาค้อ เพื่อขอโทษแม่ยาย เพราะแม่ชอบฟังเพลง แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายแกมาหายโกรธตอนเราส่งข้อความไปขอโทษสำนึกผิดทุกอย่าง แกเลยส่งกลับมาว่าขอให้เราปรับตัวใหม่ พี่เลยจำเป็นบทเรียนเลยคราวนี้ไม่กล้าใจร้อน ไม่กล้าใช้อารมณ์ตัดสินทุกอย่างอีกเลยครับ”