เมื่อวันที่ 19 ก.ค. พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และรองประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร  กล่าวถึงกรณีที่ ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.กิจการอวกาศ พ.ศ. … ว่า สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.กิจการอวกาศฉบับนี้ มีขอบเขตครอบคลุมกิจการอวกาศที่ยังไม่มีอยู่ภายใต้กฎหมายใดหรือยังไม่มีหน่วยงานใดทํามาก่อน เช่น การจดทะเบียนวัตถุอวกาศ การจัดการอุบัติเหตุทางอวกาศ การสร้างดาวเทียมและวัตถุอวกาศ เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนากิจการอวกาศเชิงพาณิชย์ของประเทศไทย ดังนั้นไทยจำเป็นจะต้องมี Space Agency ที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในด้านกิจการอวกาศทั้งในและระหว่างประเทศ รวมไปถึงงานด้านความมั่นคงและปลอดภัยด้านกิจการอวกาศ รวมถึงการสร้างกฎเกณฑ์ของประเทศไทย ในเรื่องเกี่ยวกับกิจการอวกาศและเทคโนโลยีอวกาศให้สอดคล้องกับข้อบังคับระหว่างประเทศ รวมทั้งสร้างกระบวนการในการกำกับดูแลกิจการอวกาศของประเทศไทย และดูแลปกป้องผลประโยชน์ต่างๆ ของประเทศที่มาจากกิจการอวกาศด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ตนและ กมธ.ดีอีเอสก็ได้พยายามผลักดันร่างกฎหมายนี้มาตลอด

“เป็นโอกาสอันดี ที่จะต้องรีบดำเนินการต่อไปทั้งในการไปผลักดันในระดับ ส.ส.และ ส.ว. และนำมาสู่การตั้งองค์กร การคัดเลือกกรรมการ เพื่อเตรียมออกใบอนุญาตให้ผู้ที่สนใจ นับเป็นโอกาสดีที่จะเปิดให้มีธุรกิจใหม่ มีการจ้างงานเพิ่มขั้น โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่จะมีความหลากหลายในอาชีพเพิ่มขึ้น เพราะวันนี้หลายประเทศพัฒนาไปไกลมาก มีการส่งยานอวกาศ ดาวเทียม และทำกิจการทางอวกาศอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เฉพาะประเทศในฝั่งตะวันตกเท่านั้น แต่หลายประเทศในเอเชียก็มีการพัฒนาในเรื่องนี้อย่างมาก ซึ่งในประเทศไทยเองก็มีการพัฒนาด้านอวกาศ ทั้งการส่งดาวเทียมขึ้นไปหรือการที่เรามีบุคลากรที่ไปทำงานกับ NASA ดังนั้นเพื่อให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาได้เท่าเทียมกับนานาประเทศ การออกกฎหมายนี้มาบังคับใช้จะทำให้เกิดความเป็นรูปธรรมมากขึ้น” พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าว.