สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ว่า นพ.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นไอเอไอดี) และที่ปรึกษาด้านนโยบายสาธารณสุขของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ว่า “ปัญหาใหญ่ที่แท้จริง” ของระบบสาธารณสุขสหรัฐ คือการมีประชาชนจำนวนมากซึ่งมีโอกาสเข้าถึงวัคซีน แต่กลับปฏิเสธไม่ยอมรับวัคซีน อ้างอิงตามสถิติของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ที่ระบุว่า 27% ของชาวอเมริกันยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 แม้แต่เข็มเดียว


นพ.เฟาซีกล่าวต่อไปว่า โลกเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มานานเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมายังคงเป็นเรื่องที่สามารถเตือนทุกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ว่าเชื้อโรคตัวนี้ “คาดการณ์ยาก” เกี่ยวกับการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ตัวล่าสุด “โอไมครอน” นพ.เฟาซีกล่าวว่า ผลการถอดรหัสพันธุกรรมจากห้องปฏิบัติการ โดยสุ่มตัวอย่างเจาะจงจากบางพื้นที่ในสหรัฐ ปรากฏว่า 50% เป็นเชื้อโอไมครอน ส่งสัญญาณว่า เชื้อตัวนี้กำลังจะเข้ามาแทนที่เชื้อเดลตา


ขณะที่ นพ.ฟรานซิส คอลลินส์ ผู้อำนวยการสถาบันสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นไอเอช) กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโอไมครอนในสหรัฐจะเพิ่มแบบก้าวกระโดด ภายในอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์ข้างหน้า จากปัจจุบันซึ่งมีการยืนยันผู้ติดเชื้อแล้วใน 43 รัฐ จึงขอให้ประชาชนเร่งรับวัคซีนเมื่อถึงกำหนด รวมถึงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วย เพราะการฉีดวัคซีนตั้งต้นเป็นพื้นฐานและการกระตุ้น สามารถบรรเทาความเสี่ยงของการป่วยหนักจากเชื้อโอไมครอนได้

นอกจากนี้ การรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล หลีกเลี่ยงการรวมตัวโดยไม่จำเป็น และปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ยังคงเป็นสิ่งสำคัญซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติจนเป็นนิสัย.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES