สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ว่าองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เผยแพร่คำแนะนำเบื้องต้น เกี่ยวกับการใช้วัคซีนโควิด-19 ต่างชนิดร่วมกัน หรือการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ ทั้งในแบบเป็นเข็มที่สอง และการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม หรือที่เรียกกันว่า บูสเตอร์


ทั้งนี้ วัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค หรือโมเดอร์นา สามารถใช้เป็นวัคซีนเข็มที่สอง ต่อจากวัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด ที่ใช้เทคโนโลยีไวรัล เวกเตอร์ และวัคซีนชนิดอื่นได้ ขณะที่วัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด และวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ สามารถใช้เสริมให้กับผู้ที่รับวัคซีนเชื้อตายครบสองเข็มไปแล้ว ซึ่งปัจจุบัน ได้แก่ ซิโนฟาร์ม ซิโนแวค และโควาซิน โดยระยะเวลาของการรับวัคซีนให้เป็นไปตามเงื่อนไขของผู้ผลิต และบุคลากรการแพทย์ ซึ่งเป็นผู้ที่กำหนดระยะห่างของการฉีดวัคซีนได้อย่างเหมาะสมที่สุด


รายงานดังกล่าวของดับเบิลยูเอชโอ เกิดขึ้นหลังการเผยแพร่รายงานวิจัยชิ้นหนึ่ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรก ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค หรือ แอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด แล้วอีก 9 สัปดาห์หลังจากนั้น ตามด้วยการฉีดวัคซีนของโมเดอร์นาเป็นเข็มที่สอง สามารถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าการฉีดวัคซีนแบบเดียวกับเข็มแรก


อย่างไรก็ตาม ดับเบิลยูเอชโอยืนยันจะมีการทบทวนคำแนะนำนี้เป็นระยะ เมื่อมีการเผยแพร่ข้อมูลออกมามากขึ้น และการฉีดวัคซีนแบบไขว้ควรคำนึงถึงจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ การเข้าถึงวัคซีน และคุณสมบัติของวัคซีนแต่ละชนิดตามพื้นฐานด้านสุขภาพของแต่ละคน.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES