เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่พิพิธภัณฑ์พระราม 9 จ.ปทุมธานี กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดกิจกรรม U2T CAMP GROWTH MINDSET ระหว่างวันที่ 13-17 และ20-24 ธ.ค. ภายใต้โครงการ “มหาวิทยาลัยสู่ตำบลสร้างรากแก้วให้ประเทศ” โดยในวันนี้เป็นกิจกรรมต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ซึ่งมี ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.กระทรวง อว. ได้เดินทางมาพบปะผู้นำนักศึกษา พร้อมด้วย รศ.(พิเศษ)ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการและโฆษกกระทรวง อว. และนายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย ร่วมพูดคุยกับนักศึกษาด้วย ซึ่งบรรยากาศภายในงานได้เปิดโอกาสให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางอย่างเป็นกันเอง
ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ทำไมการสื่อสารถึงสำคัญมาก เพราะเราเป็นสัตว์สังคม ต้องมีการสื่อสารกันแบบเข้าใจ ไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดพลาด การสื่อสารที่ดีอยู่ที่อินเนอร์ ต้องสร้าง ประชาสัมพันธ์ สิ่งที่เป็นบวก เพราะการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการเต็มสังคม มีแต่ข่าวร้ายมากเกินข่าวจริง เราต้องมีข่าวดี เพื่อให้เห็นว่าโลกมีสองด้าน และต้องทำเรื่องลบให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ อยากฝากให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ หน้าที่ของคนรุ่นใหม่ต้องสร้างความกระตือรือร้นในหัวใจ มองบวกจะเป็นพลังที่สำคัญ ให้รู้ว่าคนรุ่นเก่าจะช่วยพวกเราเต็มที่ ยืนยันว่ากระทรวงอว.พร้อมช่วยเต็มที่ ตนในฐานะรัฐมนตรี อว.ให้ความสำคัญคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นทรัพยากรที่มีค่า เพราะฉะนั้นการที่นักศึกษามาร่วมกิจกรรมเข้ามาเป็นโฆษกกระทรวงอว. จะทำให้เข้าใจคนทุกวัย มาร่วมกันประสานจุดแข็งที่ไม่เหมือนกัน
“ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่แย่ แม้ตอนนี้จะมีกระแสสังคมข้อวิพากษ์วิจารณ์ทุกอย่างผมอยากบอกว่าไยเป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ไม่ใช่นั้นต่างชาติคงไม่นิยมมาท่องเที่ยว เรามีสังคมวัฒนธรรมที่ดี ไม่แตกต่างจากญี่ปุ่นที่มีวัฒนธรรม ฉะนั้นจึงอยากให้ช่วยการสื่อสารสิ่งดีดี เราต้องตีปี๊ปอย่าทำอะไรเงียบๆ การเป็นนักศึกษาก็เป็นพลังคนรุ่นใหม่ที่สำคัญ ไม่อยากให้มองว่าเรื่องของผู้ใหญ่ทะเลาะกันเป็นปัญหาของเรา เพราะเป็นเรื่องนอกเหนือการควบคุม นักศึกษาไม่ควรเป็นนักประท้วงอาชีพ หรือไปทะเลาะกับอธิการบิดี แต่ควรจะร่วมมือกันทำงาน ชีวิตผมเจออะไรที่ปั่นป่วน เคยเข้าป่าอันตรายมากแต่ก็รักษาตัวจนอยู่มาถึงอายุ 67 ปี มีโอกาสเป็นรัฐมนตรี ซึ่งถ้าเปรียบก็เป็นดอกไม้ก็อาจจะบานช้าเพราะว่ามีการวางแผนชีวิตและรู้จักรอคอย“ ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก กล่าว
ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก กล่าวว่า กระทรวงอว.มีลักษณะพิเศษเป็นกระทรวงที่ต้องทำงานทั้งระยะปานกลางและระยะยาวเพื่อทำให้ประเทศเจริญ และผลประโยชน์ต้องตกอยู่กับประชาชนภายใต้เครื่องมือเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ต้องมีวินัย เพราะวินัยทำให้สังคมมีอารยะ วินัยจะมาคู่กับคุณธรรม เพราะฉะนั้นโครงการวิศวกรสังคมจะทำเรื่องเหล่านี้ ทั้งนี้ขอยืนยันว่า ตนเป็นรัฐมนตรีที่ให้อิสระการทำงานกับผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมทั้งให้อิสระทางความคิดกับนักศึกษา จะไม่ไปสั่งอธิการบดีของมหาวิทยาลัย เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย คนในมหาวิทยาลัยเป็นคนเก่งคนดี ชอบความเป็นอิสระ สิ่งที่ตนทำได้คือการให้นโยบายและการสื่อสารที่เข้าใจและถูกต้องกับคนเหล่านี้
ด้านนายเฉลิมรัฐ ปัดสำราญ อายุ 20 ปี นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี น่าสนใจ เปิดโอกาสให้นักศึกษาคนรุ่นใหม่ ได้พูดถึงความต้องการ ความรู้สึกที่อยากจะร่วมพัฒนาสังคม สะท้อนให้เห็นว่าผู้ใหญ่ยังรับฟังความคิดเห็นของเด็ก ทำให้ประเทศไทยเป็นสังคมที่น่าอยู่ ให้คนในสังคมมีการปรึกษาหารือ มีช่องทางของการพูดคุย การแสดงออก การดึงศักยภาพ สิ่งเหล่านี้จะทำให้นักศึกษาแสดงจุดเด่น มีความกล้า ที่จะเป็นนักประชาสัมพันธ์ หรือเป็นการทำงานในเชิงสร้างสรรค์เป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาและประเทศ จึงอยากให้กระทรวงอว.อยากให้ทำโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง.