นายกรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขายสะสมแล้ว 2,540 ล้านบาท โดยยอดขายประมาณ 40% มาจากยอดขายในแบรนด์เคฟ เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลัก รวมทั้งได้มีการปรับตัว โดยนำกลยุทธ์การขายแบบออนไลน์ รวมถึงการออกแคมเปญที่สร้างแรงจูงใจเพิ่มขึ้น ตั้งเป้าหมายมีรายได้ปี 64 อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน จากที่มีรายได้ 4,205 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยบริษัทได้เตรียมความพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น สร้างแผนงานเชิงรุกที่ปรับตัวสู้โควิดอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีหลัง มี 2 โครงการที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ ได้แก่ โครงการ เคฟ ทียู มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท มียอดขายกว่า 90% ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ และโครงการโมดิซ สุขุมวิท 50 มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4

นอกจากนี้จะเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นตามแผนงานที่ตั้งไว้ในครึ่งปีหลังนี้ มูลค่าโครงการรวม 9,700 ล้านบาท ประกอบไปด้วย แอทโมซ บางนา มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท, โครงการ เคฟ เอวา มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท, โครงการ โมดิซ ไรห์ม คลาวด์ มูลค่าโครงการ 3,700 ล้านบาท, โครงการ โมดิซ ศรีราชา มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท และโครงการบ้านภูริปุรี ลาดพร้าว 41 โฮมออฟฟิศ มูลค่าโครงการ 87 ล้านบาท

ขณะเดียวกันยังคงมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ ๆ อย่างเสมอ เช่น การเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคเป็นเจ้าของบ้านและคอนโดมิเนียมทุกโครงการในเครือ ผ่านการแลกสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอเรนซี่ เป็นเงินบาท เพื่อใช้ในการซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมในเครือแอสเซทไวส์ เพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดธุรกิจและปรับตัวสู่นวัตกรรมทางการเงินสมัยใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา และการศึกษาการลงทุนและความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อผลักดันการเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่อง