จากการที่ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ จะเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 5 ธ.ค.64-1 ม.ค.65 นั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของแฟนกีฬาฟุตบอลสำหรับการสะท้อนมุมมองในมิติต่างๆ KBU SPORT POLL โดยศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ ม.เกษมบัณฑิต จึงสำรวจคิดเห็นเรื่อง “ทีมช้างศึกกับความหวังในฟุตบอลแห่งชาติอาเซียน 2020”

การสำรวจดังกล่าวดำเนินการผ่านระบบออนไลน์และภาคสนามระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย.64 โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนทั่วไปและผู้ที่สนใจและติดตามข่าวสารทางการกีฬา ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,287 คน (ชาย 829 คน หญิง 458 คน)

สรุปผลการวิเคราะห์ในประเด็นต่างๆ โดยภาพรวมพบว่า ความสนใจที่จะติดตามการแข่งขัน กลุ่มอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 89.33 สนใจ รองลงมาร้อยละ 7.51 ยังไม่ตัดสินใจ และร้อยละ 3.16 ไม่สนใจ

โอกาสและความหวังของทีมชาติไทย กับการคว้าแชมป์ ส่วนใหญ่ร้อยละ 48.19 มีโอกาส รองลงมาร้อยละ 39.62 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 12.19 ไม่มีโอกาส

ทีมคู่แข่งที่น่าเกรงขาม ส่วนใหญ่ร้อยละ 38.44 เวียดนาม รองลงมา ร้อยละ 27.35 มาเลเซีย ร้อยละ 24.08 สิงคโปร์ ร้อยละ 5.17 เมียนมา ร้อยละ 3.94 ฟิลิปปินส์ และอื่นๆ ร้อยละ 1.02

ปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลต่อความสำเร็จของทีมชาติไทย ส่วนใหญ่ร้อยละ 33.79 ระยะเวลาในการเตรียมทีม ร้อยละ 31.63 สมรรถนะของผู้เล่น ร้อยละ 24.06 สมรรถนะของผู้ฝึกสอน ร้อยละ 6.18 การสนับสนุนของสมาคมกีฬาฟุตบอลและผู้เกี่ยวข้อง ร้อยละ 2.33 แรงเชียร์จากแฟนบอล และอื่นๆ ร้อยละ 2.01

สื่อหรือช่องทางที่จะติดตามการแข่งขัน ส่วนใหญ่ ร้อยละ 41.17 โซเชียลมีเดีย รองลงมาร้อยละ 39.64 วิทยุโทรทัศน์ ร้อยละ 10.66 หนังสือพิมพ์ ร้อยละ 5.08 วิทยุกระจายเสียง ร้อยละ 2.04 สนามการแข่งขันถ้ามีการเปิดให้เข้าชมได้ และอื่นๆ ร้อยละ 1.41

ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ ม.เกษมบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลการสำรวจดังกล่าวจะเห็นได้ว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต่างให้ความสนใจที่จะติดตามการแข่งขัน ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่านักเตะทีมช้างศึกว่างเว้นจากการแข่งขันระดับนานาชาติมาอย่างยาวนานก็ว่าได้ ขณะเดียวกัน แม้ว่าทีมชาติไทย จะประสบกับปัญหาการเตรียมการล่วงหน้าก็ตามแต่แฟนลูกหนังยังเชื่อว่าด้วยศักยภาพของนักเตะเมื่อเปรียบเทียบกับทีมเพื่อนบ้านในอาเชียน โดยเฉพาะ เวียดนาม ที่ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขามก็ตามแต่ ทีมช้างศึก ก็ยังมีโอกาสที่จะคว้าแชมป์มาครองได้เช่นเดียวกัน

“ที่น่าสนใจหากพิจารณาในภาพรวมสำหรับการเข้าร่วมการแข่งขันของทีมชาติไทย ในรายการนี้ด้วยปัจจัยและองค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพของนักเตะและทีมงานผู้ฝึกสอน เมื่อมาผนึกพลังกับการบริหารจัดการของผู้จัดการทีมอย่าง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ลำซำ ตลอดจนการสนับสนุนของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และผู้เกี่ยวข้องด้วยแล้ว เชื่อว่า “ช้างศึก” จะสามารถคว้าแชมป์มาครองเพื่อสร้างความสุขให้กับแฟนลูกหนังไทยได้อีกวาระหนึ่ง” อ.รัฐพงษ์ กล่าว