นายเลอทัด ศุภดิลก หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ไลน์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า  สถานการณ์ โควิด-19 ทำให้หลายธุรกิจ ได้รับผลกระทบ และมองหาโอกาสเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจ ซึ่งในส่วนของโซเชียลคอมเมิร์ซ ก็เป็นแนวทางที่ได้รับความนิยม ทั้งจากผู้ประกอบการรายย่อยและรายใหญ่ โดยปัจจุบันโซเชียลคอมเมิร์ซมีสัดส่วนคิดเป็น 60% ตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยที่คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 2.7 แสนล้านบาทในปีนี้ เติบโตเพิ่มขึ้น 10-15%  ซึ่งในส่วนของไลน์ช้อปปิ้งในปีที่ผ่านมาก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนร้านค้า เข้าสู่แพลตฟอร์มเติบโตถึง 7 เท่า หรือ 64% โดยปัจจุบันมีจำนวนร้านค้าถึง 200,000 ร้านค้า และจำนวนลูกค้าสูงถึง 7 ล้านราย โดย 5 กลุ่มสินค้าที่ขายดีที่สุด ได้แก่ แฟชั่น สุขภาพและความงาม อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องใช้ภายในบ้าน และไอทีแกดเจ็ต

“ปัจจัยที่ประสบความสำเร็จมาจากรูปแบบ โซเซียลคอมเมิร์ซ คนไทยมีความคุ้นชิน ซึ่งสามารถให้ผู้ขายและ ผู้ซื้อพูดคุย หรือแชท สอบถามรายละเอียดแบบเรียลไทม์ จึงเป็นเสมือนกุญแจสำคัญที่เป็นโอกาส ทางธุรกิจ ในช่วงสถานการณ์ โควิด-19 ให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีสะดุด และมีการนำเอา  ไลน์ พอยท์ มาจัดแคมเปญกระตุ้นการซื้อ ซึ่งยอดการใช้จ่ายของลูกค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000-1,200 บาทต่อออเดออร์”  

นายเลอทัด กล่าวต่อว่า ไลนช้อปปิ้งยังจะเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย เน้นทำให้การซื้อขายออนไลน์เป็นเรื่องง่าย เพื่อตอบโจทย์ ผู้ประกอบการผ่าน กลยุทธ์ 3 แกนหลัก ได้แก่ 1.ช่วยผู้ประกอบการรายย่อยสามารถดำเนินธุรกิจ ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และแข่งขันกับ อี-มาร์เก็ตเพรส ได้ 2. ให้บริการช่องทางการขายฟรี ง่ายและสะดวก บนแพลตฟอร์มไลน์ ที่มีผู้ใช้กว่า 49 ล้านคน ลงทุนน้อย ขายได้รวดเร็ว  และ 3. สร้างการมีส่วนร่วมระหว่าง นักช้อปกับผู้ขาย ถือเป็นเสน่ห์ของ โซเซียล คอมเมิร์ซ ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจในระยะยาว.