นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส (บีไอจี) ในฐานะผู้ผลิตออกซิเจนรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยถึงกรณีหลายภาคส่วนเริ่มมีความกังวลต่อความเพียงพอของออกซิเจนทางการแพทย์ หลังจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไทยที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันอยู่ในอัตราที่สูงว่า บีไอจีขอให้ความมั่นใจว่า สามารถผลิตออกซิเจนเพื่อรองรับระบบสาธารณสุขไทยได้อย่างเนื่องและเพียงพอในระยะยาว เนื่องจากขณะนี้บีไอจีมีกำลังการผลิตออกซิเจนสูงถึง 1,000 ตันต่อวัน ขณะที่ความต้องการใช้ในขณะนี้ซึ่งมีผู้ป่วยติดเชื้อมากขึ้นอยู่ที่ 400 ตันต่อวัน  จากภาวะปกติอยู่ที่ 300-350 ตันต่อวัน

นอกจากนี้บีไอจีได้เตรียมพร้อมบริหารจัดการกำลังการผลิต การขนส่ง รวมถึงการสำรองออกซิเจนเหลวในถังเก็บสำรองที่อยู่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ขนาดความจุมากกว่า 7,300 ตัน และในเดือน ส.ค.นี้ จะเปิดโรงงานแยกอากาศแห่งใหม่ จะทำให้มีกำลังการผลิตออกซิเจนเพิ่มมากขึ้นอีก 140 ตันต่อวัน รวมเป็นเกือบ 1,150 ตันต่อวัน  

ส่วนกรณีสถานการณ์ขาดแคลนออกซิเจนในหลาย ๆ ประเทศนั้น อุปสรรคที่นอกเหนือจากปริมาณการผลิตออกซิเจนทางการแพทย์ที่จำกัดแล้ว ยังมีสาเหตุมาจากการขนส่งออกซิเจนในรูปแบบสถานะก๊าซ  ทำให้ปริมาณการขนส่งในแต่ละครั้งมีความจำกัด แต่ในไทย การขนส่งออกซิเจนเป็นในรูปแบบของเหลว (ลิควิด) และนำมาเปลี่ยนสภาพเป็นก๊าซ ณ โรงพยาบาล ทำให้มีปริมาณออกซิเจนมากกว่าการขนส่งในรูปแบบก๊าซกว่า 800 เท่า  และหากมีความจำเป็นที่ต้องการใช้ออกซิเจนอย่างเร่งด่วน บีไอจีสามารถปรับเปลี่ยนระบบการแยกอากาศให้ผลิตออกซิเจนเพิ่มขึ้นโดยลดการผลิตไนโตรเจนลงรวมทั้ง การนำออกซิเจนจากภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีความบริสุทธิ์ด้วยมาตรฐานเดียวกันมาเสริมความต้องการออกซิเจนทางการแพทย์ได้อีกด้วย

“การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19ระลอกใหม่ในไทยเวลานี้ ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน และจำนวนผู้ป่วยใหม่ที่เข้ารักษาในสถานพยาบาลทั่วประเทศเพิ่มมากขึ้นออกซิเจนทางการแพทย์คือหัวใจของการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกรณีที่ผู้ป่วยมีการติดเชื้อทางปอดและอยู่ในขั้นวิกฤติ บีไอจีมีแผนเตรียมพร้อมเพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นไว้แล้ว และบีไอจีขอให้ความมั่นใจว่าปริมาณออกซิเจนทางการแพทย์สามารถรองรับความต้องการของโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศและโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยขั้นวิกฤติยังคงพอเพียงไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม” 

ทั้งหมดนี้บีไอจีขอให้มั่นใจว่าปริมาณออกซิเจนทางการแพทย์เพื่อรองรับความต้องการของโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งโรงพยาบาลสนามที่กำลังเปิดใหม่ยังคงพอเพียงไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม