สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ว่านายนิโคลัส คุมเจียน หัวหน้าคณะกลไกการตรวจสอบอิสระเรื่องเมียนมา ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าผลการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พลเรือนเมียนมาตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีอย่างแพร่หลายและเป็นระบบ “ในรูปแบบที่เข้าข่ายเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ”
The head of the U.N. body investigating serious crimes in Myanmar said preliminary evidence shows systematic attack on civilians “amounting to crimes against humanity,” @AP reports https://t.co/AtDHbF56dx
— Bloomberg (@business) November 6, 2021
ทั้งนี้ คุมเจียน ซึ่งเป็นนักกฎหมายชาวอเมริกัน ได้รับการแต่งตั้งจากนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อปี 2562 มีประสบการณ์เป็นอัยการคดีพิเศษระหว่างประเทศในศาลของยูเอ็น ซึ่งจัดตั้งเพื่อไต่สวนเหตุการณ์ในกัมพูชา บอสเนีย และติมอร์เลสเต ขยายความ “การโจมตีอย่างเป็นระบบ” ว่าเป็นรูปแบบของมาตรการตอบสนองโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต่อกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหาร ในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังการยึดอำนาจ แล้วหลังจากนั้นเข้าสู่การยกระดับมาตรการกดดันผู้ชุมนุม กลยุทธ์ดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกัน หรือในเวลาไล่เลี่ยกัน ตามหลายพื้นที่ในเมียนมา ทำให้อนุมานได้ว่า “เป็นนโยบายจากส่วนกลาง”
Experts have collected 2 million pieces of information about human rights violations in Myanmar. Nicholas Koumjian, head of the Myanmar Mechanism, told UN News the goal is to share the evidence with courts and make justice. Read the interview this Friday. @UNHumanRights #Myanmar pic.twitter.com/uPAQ4b84os
— UN News (@UN_News_Centre) October 15, 2021
ขณะเดียวกัน คณะทำงานของยูเอ็นพบว่า รัฐบาลทหารเมียนมา “มีกลุ่มเป้าหมาย” ในการจับกุม คุมขัง และดำเนินคดีโดยไม่ผ่านกระบวนการทางกฎหมาย นั่นคือ ผู้สื่อข่าว บุคลากรการแพทย์ นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม และนักเคลื่อนไหวซึ่งมีจุดยืนทางการเมืองคนละฝั่ง
นอกจากนี้ คุมเจียนกล่าวถึงการทำงานร่วมกับเฟซบุ๊ก และคาดหวังว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของโลกจะมอบข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการสอบสวนเรื่องเมียนมาเพิ่มอีก โดยเฉพาะในประเด็นสิทธิมนุษยชนของชาวโรฮีนจา ซึ่งส่งผลให้เมียนมาต้องสู้คีดที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) หรือศาลโลก เมื่อปี 2560.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES