สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ว่าที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ "จี20" ประชุมร่วมกันที่เมืองเวนิส เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เห็นชอบแนวทางว่าด้วย การจัดทำกลไกที่เป็นฐานการเสียภาษีนิติบุคคลสำหรับบริษัทข้ามชาติ ที่เป็นแนวทางเดียวกับมติของที่ประชุมรัฐมนตรีคลัง และผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 แห่ง หรือ จี7 ซึ่งประชุมกันที่กรุงลอนดอน เมืองหลวงของสหราชอาณาจักร เมื่อเดือนที่แล้ว  และปูทางสู่การบรรลุฉันทามติอย่างเป็นทางการ ในที่ประชุมสุดยอดผู้นำจี20 เดือนต.ค.นี้
เบื้องต้น หลักการบังคับใช้ฐานภาษีดังกล่าว คือการที่รัฐบาลของประเทศซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานของบริษัทข้ามชาติแห่งนั้นต้องเก็บภาษีอย่างน้อย 20% จากอัตรากำไร 10% หรือการที่รัฐบาลของแต่ละประเทศร่วมกันกำหนดอัตราภาษีนิติบุคคลสำหรับบริษัทข้ามชาติ ให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน คือที่ระดับ 15% เพื่อป้องกันการตัดอัตราภาษีกันเอง 
DW News
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นแอมะซอน กูเกิล ไมโครซอฟท์ และเฟซบุ๊ก เน้นเปิดสาขาในประเทศซึ่งเรียกเก็บภาษีนิติบุคคลในอัตราต่ำ เช่น ไอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก แล้วให้สำนักงานที่นั่นเป็นผู้ทำรายงานผลประกอบการ เพื่อจ่ายภาษีตามอัตราที่รัฐบาลของประเทศนั้นเรียกเก็บ ซึ่งในทางทฤษฎี "ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย"
ขณะเดียวกัน กลุ่มประเทศจี20 ยังแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่าส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่เชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์อย่างต่อเนื่องและรวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ ที่ประชุมยังสนับสนุนการเปิดโอกาสให้กลุ่มประเทศฐานะทางเศรษฐกิจยากจน สามารถเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น แต่ยังไม่มีการให้รายละเอียดมากนักในประเด็นนี้.

เครดิตภาพ : AP