ในปัจจุบัน การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นเทรนด์ความงามที่ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของวงการฉีดสารเติมเต็มใบหน้า เพราะช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาได้อย่างครอบคลุม ทั้งการฉีดใต้ตาดำ เคลียร์ปัญหาขอบตาดำคล้ำ แก้ร่องใต้ตาลึก ซึ่งเป็นสาเหตุของใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้า โทรม และยังทำให้หน้าดูแก่แซงอายุจริงอีกด้วย โดยการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัด ให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติและเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรก สำหรับในบทความนี้จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับหัตถการนี้กันให้มากขึ้น เอาใจคนที่กำลังมีแพลนจะฉีดใต้ตา เพื่อเป็นตัวช่วยก่อนตัดสินใจและยังเป็นข้อมูลในการเตรียมความพร้อมก่อนฉีดกันอีกด้วย
ทำความรู้จัก ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการทางด้านความงามที่ใช้การฉีดไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นกรดชนิดเดียวกันกับที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายคนเรา โดยมีคุณสมบัติเติมและเก็บกักความชุ่มชื่นให้ผิวพรรณ ปรับผิวให้เรียบเนียน เติมเต็มปริมาตรในชั้นผิว เพื่อการแก้ไขปัญหาใต้ตาต่าง ๆ อาทิ ฉีดใต้ตาคล้ำ, ร่องใต้ตาลึก ที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา, ฉีดถุงใต้ตา และริ้วรอยใต้ตา
เมื่ออายุมากขึ้นทุกปี เราจะสังเกตได้เลยว่าใต้ตาเริ่มมีปัญหาตามมา นั่นเป็นเพราะกระดูกใต้ตามีการทรุดตัว รวมถึงร่างกายผลิตกรดไฮยาลูรอนิกได้น้อยลง ทำให้ผิวใต้ตาขาดความชุ่มชื่น ผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น มีริ้วรอย ซึ่งการเติมใต้ตาจึงเป็นวิธีการที่ช่วยเติมเต็มทดแทนสารไฮยาลูรอนิก แอซิด ที่ขาดหายไป หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น ใต้ตากระจ่างใส เรียบเนียน ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูเด็กลง
ฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง
- แก้ปัญหาร่องลึกใต้ตา เบ้าตาลึก รอบดวงตาโบ๋ ที่มีสาเหตุจากกระดูกใต้ตาทรุดและเนื้อเยื่อสลายตัว
- แก้ปัญหาใต้ตาดำ หลังฉีดใต้ตาคล้ำจะช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส
- แก้ปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยให้ผิวเรียบเนียนและกระชับ
- แก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ช่วยให้รอยพับใต้ตาดูเรียบเต่งตึงขึ้น
ใครที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ผู้ที่มีปัญหาใต้ตา เช่น ใต้ตาหมองคล้ำ, มีถุงใต้ตา, มีร่องลึกใต้ตา ร่องน้ำตา, มีริ้วรอย รอยพับใต้ตา, ตาลึก, ตาโหล ที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส หน้าดูแก่ ขึ้น
- ผู้ที่กลัวหรือไม่ต้องการใช้วิธีผ่าตัด ไม่อยากเสียเวลาพักฟื้นนาน ไม่อยากมีแผลเป็น
- ผู้ที่ต้องการวิธีแก้ไขปัญหาใต้ตาที่เห็นผลลัพธ์ได้เร็ว
- ผู้ที่เคยลองใช้วิธีอื่น ๆ มาแล้วไม่ได้ผล ต้องการใช้วิธีฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ฟิลเลอร์ใต้ตา VS ฉีดไขมันใต้ตา แตกต่างกันอย่างไร
ในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาใต้ตาสามารถเลือกใช้เทคนิคการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตาและการฉีดไขมันใต้ตา แต่ทั้งนี้ ในแต่ละวิธีจะมีรายละเอียดซึ่งมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
จุดเด่น
- สารเติมเต็มใบหน้าหรือฟิลเลอร์แท้ที่สามารถสลายได้เอง ไม่ตกค้าง
- เห็นผลเร็วตั้งแต่ครั้งแรกและเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนเต็มที่ใน 2 สัปดาห์
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น ไม่ทำให้เกิดแผลเป็น
- ใช้ปริมาณเท่าไหร่ก็เห็นผลลัพธ์การฉีดเท่านั้น ไม่มีลดลง
- ดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก
ข้อควรรู้
- ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่ถาวร (18 – 24 เดือน)
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจทำให้ผิวแดง บวม มีรอยช้ำ โดยเฉพาะในรายที่มีประวัติผิวบวม แดง เขียวช้ำได้ง่าย (อาการปกติและหายได้เองในไม่กี่วัน)
ฉีดไขมันใต้ตา
จุดเด่น
- เป็นการใช้เซลล์ไขมันของตัวคนไข้เอง ไม่มีสิ่งแปลกปลอม ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้
- เป็นวิธีที่สามารถลดสัดส่วนได้จากการดูดไขมันและแก้ไขปัญหาใต้ตาได้ด้วยในคราวเดียว
- ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นานเป็นปี หากเซลล์ไขมันคุณภาพดีและคนไข้มีการดูแลตัวเองดี
ข้อควรรู้
- กรณีปัญหาริ้วรอยใต้ตาที่เกิดจากกระดูกยุบตัว จะไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดไขมันได้
- ฉีดไขมันไปช่วงแรกอาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน เพราะเซลล์ไขมันอาจมีการสลายตัวไปบางส่วน ซึ่งอาจต้องกลับมาฉีดซ้ำอีก
- ต้องมีการเปิดแผลดูดไขมันประมาณ 0.5 – 1 เซนติเมตร ใช้เวลาพักฟื้น 1 – 2 สัปดาห์ (บางเคสบวมนาน 2 เดือน)
- ต้องมีการดูแลตัวเองเป็นพิเศษและระมัดระวังบริเวณแผลที่ดูดไขมัน
ขั้นตอนการเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การเตรียมตัว, ขั้นตอนการรักษา และการดูแลตัวเอง นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ควรศึกษาทำความเข้าใจอย่างละเอียด เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนใช้บริการ
การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- หากมีโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือกำลังรับประทานยารักษาโรคชนิดใดอยู่ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อน
- งดรับประทานยา วิตามิน หรืออาหารเสริมที่ผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, ยาในกลุ่ม NSAIDs, วิตามินอี, น้ำมันตับปลา เป็นต้น
- งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ 1-3 วันก่อนเข้ารับบริการ
- งดแต่งหน้าโดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตาในวันที่เข้ารับบริการ
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- เริ่มทำความสะอาดผิวบริเวณใต้ตาและบริเวณใกล้เคียง
- ทำการแปะยาชาเพื่อระงับความเจ็บระหว่างการฉีด
- เมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้ว แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาตามตำแหน่งที่ได้วางแผนการรักษาไว้
- ใช้เวลาเพียงไม่นาน จากนั้นคนไข้สามารถกลับบ้านได้และใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ
การปฏิบัติตัวหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- หลังฉีดฟิลเลอร์อาจทำให้มีอาการบวมแดงซึ่งจะค่อย ๆ บรรเทาและหายใน 2 – 3 วัน หรือใช้วิธีประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการได้
- แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ วันละ 2 – 3 ลิตรต่อวัน เพื่อให้สารเติมเต็มอุ้มน้ำได้ดี ส่งเสริมให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพดี
- งดการจับ กด นวด และขยี้ตาบริเวณที่ฉีดใต้ตา เพราะฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่
- งดการทำเลเซอร์และหัตถการอื่น ๆ บริเวณรอบดวงตาประมาณ 1 เดือน (หรือตามที่แพทย์แนะนำ)
- งดการอยู่ในที่มีอากาศร้อน อยู่กลางแดด การทำกิจกรรมที่อยู่ใกล้ความร้อนทุกชนิด
- ดูแลตัวเองตามข้อปฏิบัติหลังฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตาและรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ข้อดีและข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แนะนำให้ศึกษาถึงข้อดี ข้อเสีย หรือข้อควรระวังอย่างละเอียดว่ามีอะไรบ้าง เพื่อศึกษาทำความเข้าใจและเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจว่าเราเหมาะกับการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตาไหม
ข้อดี
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาทำเพียงไม่นาน ไม่ต้องผ่าตัด
- เห็นผลลัพธ์เร็ว ไม่ต้องพักฟื้น และกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ไขปัญหาใต้ตาได้อย่างครอบคลุมและเห็นผลชัดเจน
- มีความปลอดภัยเพราะกรดไฮยาลูรอนิก แอซิด (ฟิลเลอร์แท้) สามารถย่อยสลายได้เองเมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีสารตกค้าง
- หากเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่มีทักษะและมีประสบการณ์การรักษา ฉีดในคลินิกที่ได้มาตรฐาน รวมถึงการใช้ฟิลเลอร์แท้ จะช่วยให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ ปัญหาใต้ตาได้รับการแก้ไขตรงจุด และปลอดภัย
ข้อเสีย
- ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร (18 – 24 เดือน) แต่ทั้งนี้ สามารถกลับมาเติมฟิลเลอร์ใต้ตาได้ใหม่ เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจทำให้มีอาการบวม แดง มีรอยช้ำเข็มได้บ้างในวันแรก ๆ แต่สามารถหายได้เองใน 2 – 3 วัน
- หากเลือกฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความรู้และไม่มีประสบการณ์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ อย่างฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนซึ่งทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่สวย ไม่เป็นธรรมชาติ ต้องกลับมาฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาและฉีดเพื่อแก้ใหม่
- หากเลือกฉีดกับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่สะอาด อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และหากมีการใช้ฟิลเลอร์ปลอม อาจทำให้เกิดการอุดตันเส้นเลือดจนเนื้อตายและเสี่ยงตาบอด
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
อาการข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจพบรอยแดง อาการบวมช้ำ ซึ่งเกิดจากเข็มที่ใช้ฉีดเข้าไปในชั้นผิว รวมถึงฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปยังไม่เข้าที่ โดยถือว่าเป็นอาการปกติที่พบได้ ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ซึ่งจะค่อย ๆ บรรเทาลงและหายเองใน 2 สัปดาห์ ในส่วนนี้จึงไม่ต้องมีความกังวลและสามารถใช้วิธีการประคบเย็น รวมถึงการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง และดูแลตัวเองตามข้อปฏิบัติหลังฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้อาการต่าง ๆ หายเป็นปกติได้เร็ว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสี่ยงตาบอดจริงไหม
ฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตามีโอกาสเสี่ยงตาบอดได้จริง โดยส่วนมากเกิดขึ้นในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม ฉีดกับคนที่ไม่ใช่หมอ (หมอกระเป๋า) หรือฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีทักษะการฉีดที่ถูกต้อง ทำให้เกิดความผิดพลาดไปโดนเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดอุดตันและเลือดไม่ไปเลี้ยงจนทำให้ตาบอดได้ นี่เองจึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมต้องพิจารณาเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่มีทักษะและมีประสบการณ์การรักษาเท่านั้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องใช้กี่ cc
โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะพิจารณาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 cc ไปจนถึง 3 cc ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาใต้ตาและระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันในคนไข้แต่ละเคส นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์ที่เลือกใช้ตามความเหมาะสมในคนไข้แต่ละคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันจะเริ่มเห็นผล เมื่อไหร่เข้าที่
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะให้ผลลัพธ์ได้เลยตั้งแต่ครั้งแรก พวกปัญหาร่องลึกใต้ตา ริ้วรอย รอยพับใต้ตา ถุงใต้ตา กลับมาดูดีและเรียบเนียน ใต้ตาเต็มขึ้น รวมถึงปัญหาใต้ตาดำจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ 4-5 วัน และฟิลเลอร์จะเข้าที่และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเต็มที่ใน 2-3 สัปดาห์
สรุป ฟิลเลอร์ใต้ตาดีไหม ควรเลือกอย่างไร
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นเทคนิคการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่มีความปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ที่สำคัญคือ ไม่ต้องผ่าตัด ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องเสี่ยงหรือกังวลเรื่องรอยแผลเป็นเหมือนกับการผ่าตัด หลังทำแล้วใบหน้ากลับมาดูอ่อนวัย แต่ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจเลือกที่ฉีดกับใคร ฉีดที่ไหน จะต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งในเรื่องของหัตถการ, ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์, คลินิกที่น่าเชื่อถือและได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ตรวจสอบได้ รวมถึงการเลือกดูรีวิว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัยนั่นเอง
“เพราะโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่จะฉีดกับใครก็ได้ ดังนั้นต้องเลือกดี ๆ” ทั้งนี้ใครที่กำลังมีแพลนอยากฉีดใต้ตาแต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกที่ไหนดี แนะนำให้ลองเข้ามาปรึกษากับแพทย์ที่ Doctor Mek Clinic คลินิกความงามที่มีความโดดเด่นด้านโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ผสานกับเทคนิคการฉีด Triple Layer Lift ด้วยผลิตภัณฑ์สารเติมเต็มใบหน้าที่มีประสิทธิภาพและมีฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อดังให้เลือกหลายหลาย พร้อมโปรโมชั่นโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาดี ๆ ที่จัดขึ้นเป็นประจำ โดยสามารถเข้ามาปรึกษาพร้อมรับการประเมินปัญหาใต้ตากับแพทย์ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เราพร้อมดูแลทุกเคสอย่างเป็นกันเองและใกล้ชิด