หลายๆ คน อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่า “ว่านจักจั่น” เป็นสิ่งที่หาได้ยาก เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมื่อนำมาบูชาแล้ว จะช่วยในเรื่องของการค้าขาย การงาน การเจรจาต่อรอง หากบริโภคน้ำที่ต้มด้วยพญาว่านต่อเงินต่อทองนี้เข้าไป สรรพคุณว่านจักจั่นสามารถรักษาหรือบรรเทาอาการของโรคร้ายที่เป็นอยู่ให้หายได้ แต่อันที่จริงแล้ว “ว่านจักจั่น” กลับมีอันตรายซ่อนอยู่
โดย พญ.ปัณฑารีย์ เหล่าสืบสกุลไทย กุมารแพทย์ประสาทวิทยา โรงพยาบาลนครพิงค์ ได้เผยถึงเคสของการกิน “ว่านจักจั่น” ที่อันตรายถึงชีวิต โดยเผยถึงเคสของ เด็กผู้หญิง อายุ 7 ปี มีอาการตัวสั่นทั้งตัว ตาสั่นไปมาควบคุมไม่ได้ ไม่สามารถนั่งหรือยืนเองได้ ร่วมกับมีอาการอาเจียนหลายครั้ง ญาติได้นำผู้ป่วยไปตรวจที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ได้ตรวจเลือดและเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง ไม่พบความผิดปกติ ต่อมาอาการไม่ดีขึ้น จึงได้ส่งตัวมารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เมื่อซักประวัติย้อนกลับไปพบว่า ก่อนที่จะมีอาการดังกล่าวผู้ป่วยได้รับประทานแมลงจักจั่นย่าง 1 ตัว โดยผู้ปกครองขุดพบจักจั่นที่ตายแล้วในดินขณะไปเก็บผัก จึงนำไปประกอบอาหาร ผู้ป่วยเป็นเพียงคนเดียวในบ้านที่ทาน โดยปกติในครอบครัวนำแมลงจักจั่นมาประกอบอาหารเพื่อรับประทานบ่อยครั้งแต่ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน
กุมารแพทย์ที่ทำการตรวจรักษา สงสัยว่าอาการของผู้ป่วยน่าจะเกิดจากพิษของเชื้อรา tremorgenic mycotoxin ในซากจักจั่น จึงได้ปรึกษากับทางศูนย์พิษเพื่อสอบถามถึงความเป็นไปได้และแนวทางการรักษาพิษดังกล่าว
ว่านจักจั่น (Cicada flower, ชื่อจีนคือ Chan hua (蟬花) และชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Cordyceps sobolifera,) คือซากของจักจั่นที่ตายจากการติดเชื้อรา เชื้อราที่อาศัยในซากจักจั่นจะเจริญเติบโต งอกออกมาพ้นผิวดินคล้ายพืช ในบางพื้นที่ของประเทศไทยมีความเชื่อว่า ว่านจักจั่น หรือ พญาว่านต่อเงินต่อทอง เป็นเครื่องราง วัตถุมงคล หรือเป็นยา ที่ผ่านมาจึงมีข่าวผู้ที่ได้รับพิษจากการบริโภคว่านจักจั่น ทั้งที่เจตนากินเพื่อเป็นยา และที่กินโดยไม่ทราบว่ามีพิษ อยู่เป็นระยะ
อาการของพิษจากว่านจักจั่น จะมีอาการทางระบบประสาทและระบบทางเดินอาหารเช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ชัก สั่น เห็นภาพหลอน หมดสติ อาจมีอาการรุนแรงถึงชีวิตได้ ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานว่านจักจั่นหรือซากแมลงตายที่อาจมีการติดเชื้อรา นอกจากจะไม่มีสรรพคุณทางยาแล้วยังมีอันตรายถึงชีวิตได้ หากทานโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วเกิดอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์ทันที สำหรับผู้ป่วยรายนี้ทีมกุมารแพทย์ได้ให้การรักษาตามอาการและเฝ้าสังเกตอาการ จนอาการดีขึ้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้อย่างปลอดภัย..
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @โรงพยาบาลนครพิงค์, @allwellhealthcare