ซึ่งสาเหตุที่ปลุกเรื่องนี้ขึ้นมา ก็ไม่ทราบว่า เพื่อหาเรื่องลดทอนความชอบธรรมของรัฐบาลหรือไม่ ยิ่งอ้างว่า MOU ทำสมัยนายกฯทักษิณ และโยงว่า อดีตนายกฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสมเด็จฮุนเซ็น ตอนนี้พรรคเพื่อไทยต้องเร่งทำความเข้าใจกันใหม่ ว่า MOU คือข้อตกลงกว้างๆ เท่านั้น ยังไม่มีการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ใดๆ ไม่ส่งผลให้เสียดินแดน

ที่เรื่อง MOU ถูกหยิบยกขึ้นมาวันนี้ เพราะเร็วๆ นี้อาจต้องมีการเจรจาผลประโยชน์ด้านปิโตรเลียมใต้ทะเลในพื้นที่เขตนั้น ผลจากการที่พลังงานสะอาด พลังงานทางเลือกจะเข้ามาแทนที่พลังงานฟอสซิล ก็ต้องเอามาใช้ประโยชน์ในช่วง 5-10 ปีนี้ที่ยังขายฟอสซิลได้ ดังนั้น จะโวยเรื่องขายชาติหรืออะไรก็ขอให้มีผลการเจรจาออกมาก่อน

ฝ่ายค้านก็ไม่พ้นดราม่า จากการที่นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ( ปชน.) ค่อนข้างมีบทบาทในการเคลื่อนไหวเรียกร้องป้องกันการอุ้มหาย และออกไปในทางกดดันรัฐบาลให้รีบดำเนินการกับผู้ถูกกล่าวหาในคดีตากใบ ภายหลังศาลประทับรับฟ้องคำร้องของญาติผู้สูญเสียในข้อหาฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น

เรื่องตากใบเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต่อพื้นที่มาก บ้างก็เห็นว่า มีการชดเชยไปแล้วทำไมจึงกลับมาเล่นการเมือง บ้างก็ว่า สิ่งที่ผู้เสียหายต้องการจริงๆ คือการเอาตัวคนผิดมาลงโทษ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ถูกหยิบยกมาพูดใน 20 ปีหลังเกิดเหตุจนได้ และก็ห้ามไม่ได้ที่จะมีฝ่ายมองว่า “มีการเล่นการเมือง” จิกกัดพรรค ปชน.ว่า “เป็นพรรคประชาชน BRN”

เรื่องนี้ทำให้ “เอิร์ธ”ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน และคนพรรค ปชน.คนอื่นๆ ออกอาการไม่พอใจว่า เป็นการใส่ร้ายว่าพรรคเป็นแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี โดยมองว่ามันเกินเลยจากการวิจารณ์โดยสุจริต และทำกันอย่างเป็นระบบ จึงมอบหมายให้ ‘หมอเก่ง’นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ ดูแลคดี”

เกิดเสียงวิจารณ์ออกมามากมายว่าเป็นการใช้กฎหมายปิดปากการแสดงความเห็นหรือไม่ ? เรื่องนี้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.พยายามชี้แจงว่า “เราไม่ได้ต้องการฟ้องปิดปาก แต่จะฟ้องแพ่งเพื่อให้ผู้กล่าวหาได้รับผิดชอบโดยการพิสูจน์สิ่งที่ตัวเองพูด ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องรับผิดชอบต่อสาธารณะ”

และย้ำว่า เป็นการปกป้องสังคมจากความไม่ถูกต้อง สารที่ผิดจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสาธารณะอย่างร้ายแรง ความเคียดแค้นชิงชังที่เกิดขึ้น จากข้อความเท็จที่ใส่ร้ายว่าพรรค ปชน.เกี่ยวพันกับการก่อเหตุรุนแรง นั้นส่งผลกระทบต่อความปรองดองของประชาชน และอาจก่อให้เกิดความแตกแยก ความรุนแรงระหว่างประชาชน

แต่ก็มีพวกนักกิจกรรม นักกฎหมายที่ไม่เห็นด้วยกับการที่พรรค ปชน.จะฟ้อง แม้แต่ “คนกันเอง” ของพรรคก็เถอะ  ซึ่งหลักใหญ่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย บอกว่า การมีเสรีภาพในการพูด ทำให้ประชาชนรับสารมาหลายทาง ถูกบ้าง ผิดบ้าง ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องอธิบายชี้แจงให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่ด่วนปิดปากประชาชนโดยใช้กฎหมายให้เกิดความกลัว

เรื่องควรจะฟ้องหรือไม่ ก็สองคนยลตามช่อง แต่อย่างที่กล่าวไปคือ ขณะนี้มีการปลุกกระแสชาตินิยมมาใช้กับการเมืองกับอย่างน้อย 2 เรื่องคือเรื่อง BRN กับเรื่องพื้นที่ทับซ้อนเกาะกูด ต่างฝ่ายที่ถูกกล่าวหาก็ต้องชี้แจงกันไป แต่ต้องระลึกว่า ทั้งเรื่องเกาะกูด เรื่อง BRN มีความอ่อนไหวกระทบต่อความเป็นรัฐชาติ เพราะดันโยงได้กับเรื่องเสียดินแดน

อย่าปลุกปั่นกระแสเรื่องแบบนี้ เพราะถ้าบานปลายออกไปมันไม่พังแค่ฝ่ายการเมือง.