เมื่อวันที่ 2 พ.ย. น.ส.ศยามล ไกยูรวงศ์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ตน และ นายไพโรจน์ พลเพชร ที่ปรึกษาประจำกสม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ เดินทางเข้าไปรับฟังปัญหา และตรวจสอบกรณีนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มฅนรักษ์หนองหอยจากกรณีที่ถูกข่มขู่คุกคาม หลังคัดค้านโรงงานคัดแยกขยะและรีไซเคิลวัสดุเหลือใช้ ในพื้นที่หมู่ที่ 10 ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
หนึ่งในนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มฅนรักษ์หนองหอยที่ถูกข่มขู่คุกคาม กล่าวว่า ตนเองอยู่ที่นี่มากว่า 40-50 ปี มีผืนดินที่ใช้ทำกิน ทำการเกษตรมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แต่พอมีโรงงานคัดแยกขยะฯ ของทุนจีนเข้ามาตั้งในพื้นที่ ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างหนักทั้งจากฝุ่นและกลิ่นเหม็นของขยะ จนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติได้ จึงได้รวมตัวกันไปร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้ามาตรวจสอบ สุดท้ายโรงงานถูกสั่งปิดชั่วคราว แต่กลับพบว่ายังลักลอบดำเนินกิจการอยู่ ทั้งนี้ ระหว่างการต่อสู้ ตนถูกข่มขู่คุกคามมาตลอด แต่เดือนมี.ค.มีกลุ่มชายชาวจีนโทรข่มขู่ และติดตามตัว มาหาที่บ้านเพื่อจะขอเจรจาให้ยุติการคัดค้าน มีการเสนอเงินให้แต่เราไม่รับ จนมาถึงเดือนก.ย.มีชายฉกรรจ์เข้ามาล็อคตัว มีชายฉกรรจ์ใส่หมวกไอ้โม่งขับรถกระบะติดตาม มีโดรนลึกลึกบินผ่านบ้านของตน และชาวบ้านอีกหลายราย ทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิต แม้จะแจ้งตำรวจไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครหรือหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือ จึงอยากให้ กสม.ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการป้องกันป้องปรามและเอาผิดคนที่ข่มขู่คุกคามชาวบ้าน และดำเนินคดีกับโรงงาน ให้มีการปิดถาวร ไม่ให้มีการลักลอบผลิตแบบนี้อีก
ทั้งนี้รับฟังความเห็นแล้ว กสม.ได้ลงสำรวจพื้นที่โรงงาน ซึ่งมีคำสั่งประกาศปิดโรงงานเบื้องต้นจากกรมโรงงานแล้ว แต่ยังพบว่ามีการก่อสร้างอาคารขึ้นใหม่ในพื้นที่ และมีแรงงานอีกเป็นจำนวนมากที่ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่ของโรงงาน นอกจากนี้ขณะที่ลงพื้นที่สำรวจยังมีรถกระบะลึกลับสีดำขับประกบรถของคณะเจ้าหน้าที่ กสม.รวมถึงดักทางรถของเจ้าหน้าที่กสม.ที่ลงพื้นที่สำรวจโรงงานในครั้งนี้ด้วย จากนั้นช่วงบ่ายกสม.ได้จัดประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการกำหนดมาตรการการคุ้มครองความปลอดภัยและแนวทางในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงกรณีถูกข่มขู่คุกคาม โดยมีปลัดจังหวัดปราจีนบุรี สำนักงานยุติธรรมจังหวัดปราจีนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
น.ส.ศยามล เปิดเผยหลังการประชุมว่า จะเห็นว่า มีหลักฐานชัดเจนว่านักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มฅนรักษ์หนองหอยถูกข่มขู่คุกคามจริง จึงอยากให้หน่วยงานราชการเข้าไปดูแล สำหรับโรงงานคัดแยกขยะและรีไซเคิลฯ ซึ่งถูกสั่งปิดโรงงานไปแล้วและอยู่ระหว่างการเพิกถอนใบอนุญาต แต่ยังพบการทำผิดกฎหมาย ยังอยู่ในพื้นที่ ทำให้กระทรวงอุตสาหกรรมไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการคุกคามนักปกป้องสิทธิเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น หน่วยงานรัฐต้องมีมาตรการเข้าไปดูแลเพิ่มเติม ส่วนกสม. จะไปหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรมว่าจะจัดการอย่างไร และให้เป็นบทเรียนของประเทศ ขณะที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดปราจีนบุรีจะเข้ไปตรวจผลกระทบทางมลพิษเพิ่มเติมด้วย
“วันนี้ตอน กสม. ลงพื้นที่ก็มีรถมาดักหน้าดักหลัง ก็เป็นที่สงสัยว่าเป็นใครต้องมาตามเรา ปกติเวลาลงพื้นที่ที่อื่นเราก็ไม่เจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้ อันนี้ก็มีความน่าเป็นห่วงในพื้นที่นี้จากสถานการณ์ที่ กสม.พบเจอด้วยตัวเองด้วย” น.ส.ศยามล กล่าว
ด้าน นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม นักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านสิ่งแวดล้อม กลุ่มฅนรักษ์กรอกสมบูรณ์และที่ปรึกษากลุ่มฅนรักษ์หนองหอย กล่าวว่า สถานการณ์ที่บ้านหนองหอยยังน่าเป็นห่วงมาก ซึ่งอุตสาหกรรมจังหวัดพูดชัดเจนในที่ประชุมว่าโรงงานแห่งนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายโรงงานแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เขาจะทำอะไรก็เหมือนทำตามใจชอบแล้วจึงน่าเป็นห่วงคนในพื้นที่มาก อย่างไรก็ตาม ตนก็มีความหวังกับ กสม.ว่าจะนำเรื่องนี้นำเข้าไปสู่กระบวนการที่สูงกว่าระดับจังหวัด
“โรงงานแห่งนี้เป็นต้นแบบในการประกอบกิจการประเภทนี้ของคนจีน หากโรงงานในลักษณะนี้ยังดำเนินการกิจการไปได้มันจะกลายเป็นต้นแบบในการปล่อยมลพิษให้ชุมชนโดยที่การควบคุมไม่สามารถเข้าถึงได้ และวันนี้เราก็เห็นชัดว่าเขาทำเย้ยกฎหมาย จะกลายเป็นต้นแบบให้โรงงานอื่นๆ เข้ามาอีกมาก ผมเชื่อว่าวันนี้จากข้อมูลที่เราได้ใบอนุญาตต่างๆ กำลังจะถาโถมเข้าจังหวัดปราจีนบุรีอีกเป็นร้อยๆ ใบ” นายสุเมธ กล่าว