เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (30 ต.ค. 67) รัฐบาลจีนได้ประกาศแนวปฏิบัติใหม่เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างจริงจัง ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาโลกร้อน
แนวปฏิบัติดังกล่าวซึ่งร่วมกันจัดทำโดยคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติและหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องอีก 5 แห่ง ได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ในการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคส่วนต่างๆ ของประเทศ โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2025 การบริโภคพลังงานหมุนเวียนของจีนจะเทียบเท่ากับการเผาไหม้ถ่านหินมาตรฐานกว่า 1.1 พันล้านตัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านตันภายในปี 2030
เป้าหมายข้างต้น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีนในการสร้างระบบพลังงานที่ยั่งยืน โดยพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นจะถูกนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง อาคารสิ่งปลูกสร้าง การเกษตร รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นอกจากการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนแล้ว จีนยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและขีดความสามารถในการผลิตพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีแหล่งพลังงานที่เพียงพอและเชื่อถือได้สำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
การดำเนินนโยบายส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนของจีนครั้งนี้ได้รับความสนใจจากทั่วโลก เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก การที่จีนให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานสะอาดจึงนับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการแก้ไขปัญหาโลกร้อนในระดับสากล
ทั้งนี้ การประกาศแนวปฏิบัติส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนของจีนแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นโยบายนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อจีนเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกที่ยั่งยืนมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก: ซินหัว