เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 ต.ค. 67 ที่ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS ร่วมกันแถลงข่าวความร่วมมือพร้อมเปิดตัวบริการแจ้งอุ่นใจ ตัดสายโจร ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) และ AIS เพื่อปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมี พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รองผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท และผู้แทนจาก AIS ร่วม
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า วันนี้ภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้สร้างความเดือดร้อน เสียหายให้กับพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยตำรวจสอบสวนกลางได้เร่งระดมกวาดล้างกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อตัดเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างคนร้ายกับประชาชน ได้แก่ สัญญาณโทรศัพท์, สัญญาณอินเทอร์เน็ต, ซิมผี บัญชีม้า, SMS และ Social Media Platform โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการเครือข่าย โดยเฉพาะ AIS ที่ร่วมกันติดตามมิจฉาชีพผ่านระบบ Tracking & Monitoring รวมไปถึงการเปิดช่องทางให้ลูกค้า AIS สามารถแจ้งเบาะแสเบอร์โทรต้องสงสัย ผ่าน AIS Spam Report Center นำไปสู่การจับกุมและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ในหลายกรณี อย่างไรก็ตามจากสถิติในรอบปีที่ผ่านมาพบว่ามีอาชญากรรมทางไซเบอร์ 3 แสนคดี ความเสียหายมากกว่า 3.4 แสนล้านบาท หากนับคอลเซ็นเตอร์ พบว่ามี 2 หมื่นคดี 3-4 พันล้านบาท พร้อมกันนี้จะตั้งเป้าลดคดีไซเบอร์ 30-40% ภายในระยะเวลา 6 เดือน
“โดยครั้งนี้ได้ยกระดับความร่วมมือไปอีกขั้นผ่านบริการ *1185# แจ้งอุ่นใจ ตัดสายโจร ที่นอกจากจะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสของมิจฉาชีพได้ง่ายๆ ทันทีหลังจากวางสายแล้ว ยังถือว่าเป็นประโยชน์กับการทำงานของตำรวจเป็นอย่างมาก เพราะทำให้เราเห็นข้อมูลความผิดปกติจากการใช้งานของเบอร์ต้องสงสัย ทั้งรูปแบบการใช้งาน ประวัติการติดต่อกับเหยื่อผู้เสียหาย หรือแม้แต่การใช้งานบนอุปกรณ์ที่ผิดกฎหมาย นับเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดทำให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามผู้กระทำความผิดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาดำเนินคดีทางกฎหมายได้เร็วยิ่งยิ่งขึ้น” ผบช.ก.กล่าว
ด้าน นายปรัธนา กล่าวว่า เราให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าให้ใช้บริการได้อย่างมั่นใจบนเครือข่ายปลอดภัยของ AIS จึงเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่องใน 3 ด้าน คือ 1.สนับสนุนให้ความร่วมมือกับตำรวจ และหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ในการติดตาม ตรวจสอบปิดกั้น วางมาตรการจดทะเบียนแสดงตนเลขหมายอย่างโปร่งใส 2. พัฒนาเครื่องมือด้านเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ลูกค้าและประชาชนใช้ปกป้องการใช้งาน และแจ้งเบาะแสได้ด้วยตนเองอย่าง AIS Spam Report Center 3.การสร้างทักษะการใช้งานดิจิทัลในโครงการ อุ่นใจไซเบอร์ที่จะช่วยให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์และมิจฉาชีพได้ ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่
“โดยวันนี้ AIS ได้ร่วมกับ ตำรวจสอบสวนกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานเชิงรุก ไปอีกขั้น เปิดตัว บริการ *1185# แจ้งอุ่นใจ ตัดสายโจร โดยพัฒนาระบบอัจฉริยะบนเครือข่ายที่สามารถ Report เบอร์ที่รับสายล่าสุดเพียงกด *1185# โทรออกภายใน 5 นาที ระบบก็จะไปดึงเบอร์มิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ล่าสุดที่ลูกค้ารับสายแบบอัตโนมัติโดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาจำเบอร์ที่โทรเข้ามา จากนั้นภายใน 48 ชั่วโมง หากพบว่ารูปแบบการโทรของเบอร์เหล่านั้นมีความผิดปกติที่บ่งชี้ได้ว่าเบอร์ที่ลูกค้าแจ้งมาอาจเป็นมิจฉาชีพจริง AIS จะทำการส่งต่อข้อมูลไปยัง ตำรวจสอบสวนกลางพร้อมกับทำงานอย่างใกล้ชิด กับตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อตรวจสอบและดำเนินการบล็อกเบอร์ดังกล่าวเพื่อไม่ให้ไปก่อความเสียหายเพิ่มขึ้นรวมถึงดำเนินการทางกฎหมายในการติดตามจับกุมเอาผิดกับกลุ่มมิจฉาชีพอย่างเด็ดขาด โดยบริการนี้จะสามารถ Report เบอร์ได้ทุกประเภท ทั้งเบอร์ 02, เบอร์มือถือจากทุกเครือข่าย, เบอร์จากต่างประเทศ, เบอร์จาก VoIP แบบไม่จำกัดจำนวนครั้งในการ Report” นายปรัธนา กล่าว
นายปรัธนา กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า “แม้จะมีระบบการแจ้ง Report ที่มีประสิทธิภาพ แต่การทำงานด้านอื่นๆ ก็ยังต้องมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง AIS ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนการทำงานของตำรวจจสอบสวนกลาง และหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาไปที่ต้นตอ ติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายขั้นสูงสุดตัดวงจรอุบาทว์จากมิจฉาชีพ จากทุกช่องทางอย่างดีที่สุดต่อไป นอกจากนี้ทาง AIS ได้ตอกย้ำการให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยด้วย 5GSIM (5G SUCI SIM) ทั้งในรูปแบบ SIM Card และ eSIM แล้ววันนี้โดยซิมรุ่นใหม่ของ AIS มีการยกระดับความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส-หมายเลขรหัสระบุตัวผู้ใช้บริการ (IMSI Encryption) ทำให้ลูกค้าสามารถใช้งานบนเครือข่าย AIS ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น.