เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 67 นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้ต้องหาในคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมบอสพอลในเรือนจำ ว่า วันนี้ได้พูดคุยกับบอสพอล และทีมทนายความในคดี เกี่ยวกับแนวทางการต่อสู้คดีของผู้ต้องหา ซึ่งรายละเอียดการพูดคุยเป็นความลับ เพียงแค่พูดคุยกับบอสพอล ก็หมดเวลาแล้ว จึงยังไม่ได้พูดคุยกับบอสกันต์ และบอสแซม ตามที่ตั้งใจไว้
โดยประเด็นหลักที่ได้รับมอบหมายจาก บอสพอล ซึ่งจะต้องทำอย่างเร่งด่วน คือ วันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อยื่นหนังสือใน 2 ประเด็น คือ
1.สอบถามเรื่องรายละเอียดการนำพยานฝ่ายตนเองกว่า 2,000 คน เข้าไปให้ปากคำ ว่าจะต้องไปให้ปากคำที่ดีเอสไอหรือ ปคบ. รวมถึงสอบถามศักยภาพของเจ้าหน้าที่ ว่าในแต่ละวันจะสอบปากคำพยานได้กี่คน โดยตนวางแผนไว้ว่า หากสามารถสอบปากคำได้วันละ 120 คน จะใช้เวลาเพียง 20 วันในการสอบปากคำ เสร็จทันส่งสำนวน แต่หากรับได้ไม่ถึงจำนวนที่วางไว้ ก็จะใช้เวลาในการสอบปากคำนานขึ้น นอกจากนี้ จะขอให้ ดีเอสไอ ออกหมายเรียกให้สมาชิกดิไอคอนกรุ๊ป ที่ไม่ยอมเข้ามาแจ้งความกว่า 200,000 คน เข้ามาให้ปากคำด้วย ซึ่งหากมีหมายเรียกก็ต้องเข้ามาให้ปากคำ
และ 2.ขอให้ดีเอสไอ พิจารณาดำเนินคดีกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อต่อเพจสายไหมต้องรอด และพยานที่นายเอกภพ พามา กรณีที่นำพยานเท็จเข้ามาพบตำรวจและอ้างว่าดีเอสไอเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่เรียกรับเงินจาก ดิไอคอน ทำให้ ดีเอสไอ ได้รับความเสียหาย ซึ่ง ดีเอสไอ จะดำเนินคดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณา
นายวิฑูรย์ ยอมรับว่า จากที่ได้ฟังเสียงของพยานคนดังกล่าวที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อช่องหนึ่ง รู้สึกตกใจมากที่มีการนัดแนะเตี๊ยมคำให้การกับพยาน โดยตนไม่เข้าใจว่า ทำไม นายเอกภพ ถึงทำแบบนั้น ทำให้จากที่คดีดิไอคอนควรจะเป็นคดีความปกติ กลับเป็นภาพคดีการจ่ายสินบน โดยเบื้องต้น เตรียมจะให้ทนายอีกชุดไปแจ้งความเอาผิดนายเอกภพ และพยานคนดังกล่าว ในข้อหาหมิ่นประมาท ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
นายวิฑูรย์ ยืนยันว่า การออกมาบอกว่าจะแจ้งความกลับกับใครบ้างนั้น ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายปกติ โดยตนทำงานอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ได้ทำงานตามกระแสสังคม ทุกอย่างเป็นการชี้แจงในคดี
”แนวทางการทำคดีของผม ถ้าผมจะเอากระแสสังคม แล้วคดีผมแพ้ก็ไม่เอา ถ้าผมทำให้คดีชนะ ไม่ว่าคนจะมองผมยังไงก็ตาม ผมก็มองว่าผมก็มีสิทธิที่จะทำ ผมไม่ได้ใช้วิธีการใต้ดินวิ่งเต้น เพราะทนายแต่ละคนก็มีกลยุทธ์ที่แตกต่างกันไป” นายวิฑูรย์ กล่าว
เมื่อถามว่า หมายถึงจะเป็นนักรบที่ไม่เลือกวิธีการต่อสู้ใช่หรือไม่ นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ใช่ครับ โดยตนเองคงตอบไม่ได้ว่าจะชนะคดีหรือไม่ เพราะเป็นมรรยาทของทนาย ไม่สามารถคอนเฟิร์มผลคดีได้ แต่จะทำให้ดีที่สุด
ส่วนเรื่องออเดอร์การดำเนินคดีกับทนายคนดัง นายวิฑูรย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขอพักไว้ก่อน เพราะเขามีปัญหาของเขาเยอะอยู่แล้ว คนล้มอย่าไปกระทืบซ้ำ มองว่าปัญหาที่เขาเจออยู่ก็เหนื่อยเอาการ เพราะต้องชี้แจงหลายอย่าง ส่วนอนาคตจะดำเนินคดีหรือไม่ เดี๋ยวว่ากัน ตอนนี้เห็นทนายคนดังล้มอยู่ก็ไม่อยากซ้ำ แต่หากจะดำเนินคดีคงไม่รอให้คดีอื่นๆ จบก่อน เนื่องจากก็มีหลักฐานเอาผิดได้
ส่วนที่ดีเอสไอ ตรวจพบเส้นทางการเงิน บอสพอล มีการโอนเงิน 2.5 ล้านบาท ให้กับแม่ของนักการเมือง ส. ตนเองได้สอบถามกับ บอสพอล แล้ว ยืนยันว่า เป็นการโอนเงินทำบุญ โดยตนเองไม่แน่ใจยอดเงินว่าโอนครั้งละเท่าไหร่ และกี่ครั้ง เนื่องจากยังไม่เห็นเอกสาร แต่ทราบว่ามีการโอนให้บ่อยครั้ง มีทั้งหลักหมื่นและหลักแสนบาท
เมื่อถามถึงความคืบหน้าเรื่องการขอประกันตัวผู้ต้องหา นายวิฑูรย์ ยืนยันว่า จะยังไม่ยื่นประกันตัว เพราะแม้ว่าทุกคนจะอยากออกมา แต่การต่อสู้คดีภายในเรือนจำง่ายกว่า และเป็นที่ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับทนายความของผู้ต้องหาแต่ละคนจะพิจารณา
ทั้งนี้ ส่วนของนายธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ หรือ บอสวิน ที่มีอาการป่วยโรคมะเร็ง จะต้องมีการพูดคุยกับเจ้าตัว และพิจารณาเรื่องของการยื่นประตัวออกมาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากหากออกมารักษาตัวข้างนอก ครอบครัวอาจจะสบายใจมากกว่า.