เมื่อวันที่ 31 ต.ค. รายการโหนกระแสวันนี้ เกาะติดสถานการณ์ อัปเดตความคืบหน้าของ “ดิ ไอคอน” หลังจากที่ล่าสุด ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ รับไม้ต่อจาก บช.ก.ในการเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนดำเนินคดีต่อไป รวมทั้งความคืบหน้าจากฝั่งของบรรดาบอส ที่สื่อสารออร์เดอร์ผ่านทางทนายความ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ระบุว่า จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จะลากแม่ข่ายทั้งหลายเข้าไปติดคุกด้วยกัน

หนึ่งในคนที่มีประเด็นถูกพาดพิง ก็คือ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หลังถูกพาดพิง กรณีที่ ทนายวิฑูรย์ออกมาเปิดเผยว่า สำนักกฎหมายแห่งหนึ่ง มีการทำแพตเทิร์นให้ผู้เสียหาย ไปแจ้งความไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ตัวแทนท่านใดที่เคยให้ปากคำไว้ก่อนหน้านี้ในทำนองดังกล่าว หากไม่เป็นความจริงควรแก้ไขให้ถูกต้อง

และยังบอกอีกว่า ผู้ใดก็ตามที่เคยให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในลักษณะแพตเทิร์นที่ได้มาจากทนายความสำนักดังกล่าว ขอให้ไปดำเนินการติดต่อพนักงานสอบสวนทุกท้องที่เพื่อแก้ไขคำให้การ หรือจะถอนแจ้งความก็ได้ มิเช่นนั้น อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานแจ้งความเท็จ โดยตนยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นการข่มขู่ แต่เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายและตนจะกระทำจริง

ทนายเดชาโต้ในเรื่องนี้ว่า ผู้เสียหายทุกคนเขามีความคิด เขาไม่ได้โง่ อย่ามาใช้คำว่าชักจูง เพราะตนไม่เคยชักจูงใคร ทุกคนเขามาร้องเรียนขอความช่วยเหลือ ถ้าเห็นว่าตนผิด ไปแจ้งความได้เลย อย่ามาพูดกล่าวหากันลอยๆ การทำเอกสารแพตเทิร์น ที่มีหัวกระดาษทนายคลายทุกข์ ก็เป็นของสำนักตนจริงๆ แต่มีผู้เสียหายลงนามในเอกสารนั้นแค่คนเดียว ไม่ใช่การไกด์ไลน์ให้ทุกคนพูดเหมือนกัน มันเป็นแพตเทิร์นคำถามที่ทางพนักงานสอบสวนเขาถามมา ไม่ใช่ว่าตนไปวางแพตเทิร์น ไปสั่งให้ใครเขาทำอะไรแบบนั้น

ด้าน ทอม เครือโสภณ หนึ่งในคนที่มองมุมต่างในเรื่องธุรกิจดิไอคอน ทอมมองว่า วันนี้ธุรกิจของดิไอคอน ที่ทำมา 6-7 ปี หากพูดกันตามกฎหมาย มีขาวมีดำชัดเจน อาจจะต้องพิจารณาว่า เขามีโอกาสที่จะไม่ผิดเหมือนกัน

เพราะหากทบทวนการดำเนินงานของเขาจะเห็นว่า เขามีการสอนจริง มีคนมาเรียนจริง ใครไม่มีสินค้า จะรับสินค้าจากเขาไปขายแบบ 1-1 คือขายตรงกับลูกค้าเลยก็ได้ หรืออยากเป็นดีลเลอร์ใหญ่ หาคนมารับเป็นเครือข่ายต่อก็ทำได้อีกเหมือนกัน

ถ้ามันจะผิด มันก็มีอย่างเดียวคือ เจตนาของบริษัทนี้ ไม่ต้องการจะขายของตั้งแต่แรก แต่ตั้งใจสร้างกำไร หาเงินจากการหาสมาชิกเพียงอย่างเดียว อันนี้ถึงจะเรียกว่าผิด

ขณะที่ทนายเดชา ก็ชี้ให้เห็นว่า พฤติกรรม พฤติการณ์หลายอย่าง ที่ผู้เสียหายมาเล่า มาร้องเรียน มันก็พอจะพิจารณาได้ว่า การทำธุรกิจนี้ไม่ได้เน้นไปที่การขายของ แต่ถ้าจะถกเถียงกันในเรื่องนี้ ก็ต้องไปให้ทางพนักงานสอบสวน ให้ทางเจ้าหน้าที่เขาเป็นคนพิสูจน์ จะผิดจะถูกก็ว่ากันไป

ส่วนประเด็นที่ทอม กับ ทนายเดชา ถกเถียงกันอีกประเด็น ก็คือสิทธิในการประกันตัว ที่ทอมยืนยันว่า ไม่ว่ายังไง ทางผู้ต้องหาก็มีสิทธิจะขอยื่นประกันตัว หรือวางแผนในการสู้คดี เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่ใช่เอากระแสมากดดัน เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้รับการประกัน

ซึ่งในประเด็นนี้ ทางทนายเดชา และทนายรณณรงค์ก็บอกว่า ไม่ใช่การใช้กระแสหรือไม่ใช้กระแส เขามีสิทธิจะยื่นประกันได้ แต่พวกตนก็จะไปค้านการประกันเหมือนเดิม เพราะสิ่งที่ปรากฏในวันนี้ เห็นได้ชัดว่า กลุ่มผู้ต้องหามีความพยายามจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน