เมื่อวันที่ 10.30 น.วันที่ 31 ต.ค.ที่บริเวณด้านหน้าอาคารมาลีนนท์ ทาวเวอร์ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ถนนพระราม 4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม. พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตตฺตธมฺโม (เสาวภาคย์โชติรส) หรือพระครูปลัดธีระปีนเสาไฟฟ้า พร้อมพระสงฆ์ อีก 2-3 รูป และกลุ่มมวลชน รวมกว่า 10 คน เดินทางนำป้ายข้อความมาแสดงระบุทำนองว่า “ช่อง3-รายการโหนกระแส-รายการตีสิบ โปรดสร้างบุญ อย่าไปสร้างบาปเลย, โปรดใช้ความสามารถสร้างสรรค์สังคม และขอเรียกร้องให้ทีวีช่อง 3 มาเป็นฮีโร่ ของพวกเรา ช่วยขับเคลื่อนสร้างศูนย์กลางการเรียนรู้พระพุทธศาสนาที่ถูกต้อง และช่วยสร้างความรักสามาคคีของหมู่ชนในทุกชาติ” พร้อมกับยื่นหนังสือถึงสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 โดยมีรองบรรณาธิการบริหารช่อง 3 มาเป็นตัวแทนรับหนังสือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่บรรยากาศบริเวณหน้าอาคารมาลีนนท์ มีนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมด้วย ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข และพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม และกลุ่มมวลชนที่เป็นแฟนคลับของ กัน จอมพลัง รวมกว่า 50 คนเดินทางมารวมตัว
โดยมี พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 พ.ต.อ.พันษา อัมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ในพื้นที่ข้างเคียง อาทิ สน.ลุมพินี, สน.ทุ่งมหาเมฆ และสน.ทองหล่อ กว่า 50 นายคอยตรึงกำลัง พร้อมนำแผงรั้วเหล็กมากั้นโดยรอบ ป้องกันมวลชนก่อความวุ่นวาย
โดยพระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา หรือ พระปีนเสาไฟ กล่าวว่า วันนี้ ตั้งใจมายื่นหนังสือให้แก่ผู้บริหารของช่อง 3 เพื่อขอให้เป็นสื่อกลางระดมสมองกลุ่มคนที่มีจิตศรัทธาทั่วประเทศหรือทั่วโลกร่วมกันสร้างศูนย์การเรียนรู้พระพุทธศาสนาที่ถูกต้องด้วยงบประมาณ 20,000 ล้านบาท ทุกคนทุกฝ่ายร่วมคิดร่วมทำ เพื่อทำโครงการให้เสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งโครงการนี้ถูกนำเสนอไปแล้วอยู่ที่สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยเถรสมาคมอยู่ระหว่างพิจารณา
พร้อมกันนี้พระครูปลัดธีระ ยังได้นำรูปภาพของพระและบุคคลหลายคน โดยอ้างว่าบุคคลเหล่านี้เป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนา กลุ่มบุคคลเหล่านี้อาจจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและพระพุทธศาสนา เพราะว่าแสดงออกทางสื่อสังคมในลักษณะปลุกระดม โจมตีพระพุทธรูป บิดเบือนพระธรรม ย่ำยีพระสงฆ์ ทำลายวัฒนธรรมประเพณีไทย ตกใจมากที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้นำเสนอ โดยเฉพาะพระเกจิดังองค์หนึ่ง นำเสนอขนาดที่ว่าให้พระสงฆ์ไปกราบตีนคนตื่นธรรม ตกใจมากว่าสังคมมันไปขนาดนี้เลยเหรอ ให้พระไปกราบเท้าฆารวาส มีการด้อยค่าพระพุทธรูปและด้อยค่าพระสงฆ์
จากนั้นมีตัวแทนจากฝ่ายข่าวของช่อง 3 เดินทางมารับหนังสือจากพระครูปลัดธีระ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีตัวแทนผู้บริหารของช่อง 3 ได้ลงมารับหนังสือที่ทางพระครูปลัดนำมายื่นร้องเรียน ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่เชิญตัวพระครูรูปดังกล่าวเข้าไปด้านในอาคาร ซึ่งทางพระรูปดังกล่าวเข้าไปภายในอาคารไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวออกมาจากอาคาร พร้อมบอกสื่อมวลชนว่าไม่ได้เป็นการจับกุมตัวแต่อย่างใด แต่เป็นการเชิญตัวกลับไปยัง วัดสามชุก ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ตามที่เจ้าอาวาสวัด ส่งหนังสือมายังหลวงพี่น้ำฝน
ด้าน กัน จอมพลัง กล่าวว่า วันนี้ตนและเอฟซีที่รักตน เดินทางมาเพื่อให้กำลังใจ หนุ่ม กรรชัย และสื่อมวลชน เพราะเท่าที่ตนฟัง ทำนองว่าสื่อไปนำเสนอเรื่องพระบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ตนมองว่าสื่อควรนำเสนอได้อย่างอิสระ ไม่ต้องถูกใจใคร อย่างตรงไปตรงมา แล้วไม่ต้องกลัวใคร ไม่ใช่เสนอแล้วมีการขนมวลชนมาหา ตนมองว่าเป็นข่มขู่หรือไม่ ตนจึงอยากมาให้กำลังใจคนทำงานทั้งสื่อมวลชนทุกท่าน และหนุ่ม กรรชัยด้วย
ด้าน หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า พระรูปดังกล่าวสังกัดอยู่ที่วัดสามชุก ทางเจ้าอาวาสมีการทำหนังสือ โดยเฉพาะตนเป็นหัวหน้าพระวินยาธิการ ในเขตภาค 14 ดูแล 4 จังหวัดคือ นครปฐม, สุพรรณ, กาญจนบุรี และสมุทรสาคร พระรูปนี้ย้ายสังกัดจาก จ.พิจิตร มาสังกัดที่วัดสามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.65 จนถึงปัจจุบันไม่เคยอยู่ในการปกครองเจ้าอาวาส โดยเฉพาะอาตมาก็เป็นเจ้าอาวาส พระลูกวัดต้องอยู่ในกรอบ ปกครองของเจ้าอาวาสวัดนั้น ตามกฎหมายของคณะสงฆ์ โดยเฉพาะมาตั้งสำนักสงฆ์ และมีการเช็คไปที่เจ้าคณะตำบล, อำเภอนครชัยศรี หลวงพ่อบอกว่าไม่มีการขึ้นทะเบียน รวมถึงสำนักพุทธ จ.นครปฐมก็ไม่มีการจดขึ้นทะเบียน ฉะนั้นการจะทำสำนักปฎิบัติธรรมจะต้องขึ้นทะเบียน กับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และผู้ปกครองดูแล คือ เจ้าคณะตำบล และเจ้าคณะอำเภอ คือขั้นตอนตามกฎหมายที่ถูกต้อง
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า ที่ตนมาในวันนี้เพราะนำหนังสือที่ทางเจ้าอาวาสได้เรียกให้พระรูปดังกล่าวกลับไปชี้แจง โดยเฉพาะมีเรื่องคดีอีกหลายคดี โดยทาง ผอ.สำนักพุทธฯ จ.นครปฐม อยู่ระหว่างรวบรวมก่อนส่งหนังสือไปยังเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีสืบต่อไป ประกอบกับตนเป็นเจ้าของพื้นที่ ใน ต.ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นเขตปกครองที่ตนต้องดูแลให้คณะสงฆ์อยู่ในกรอบระเบียบวินัย