เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ห้องพิจารณาคดีที่ 7 ศาลจังหวัดสระแก้ว ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว ผู้พิพากษาได้นัดหมายผู้เสียหายคดีที่ น.ส.มยุรี ยอดพะเนา หรือ “น้องหลิว” ขณะนั้นอายุ 18 ปี สาวโรงงานที่หายตัวไร้ร่องรอย จากบริเวณห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาคลองรั้ง ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 55 และมีคนส่ง sms ลวงว่า น้องหลิวไปทำงานต่างประเทศ ที่บ้านไม่ต้องเป็นห่วง จึงทำให้ครอบครัวรอ น้องหลิว กลับมา กระทั่งญาติร้องเรียนไปที่ศูนย์คนหาย มูลนิธิกระจกเงา และขอให้ติดตามตรวจสอบจากศพไร้ญาติในพื้นที่ ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เมื่อ 8 ปีก่อน ซึ่งศพดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งพบศพ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 55 ในสภาพเน่าเปื่อยไม่มีเอกสารใดๆ จึงถูกส่งศพไปตรวจและเก็บดีเอ็นเอ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ก่อนจะนำศพไปเก็บไว้ที่สุสานเอกชนในพื้นที่ จ.ชลบุรี
จนกระทั่ง เมื่อปลายปี 63 ที่ผ่านมา พบผลการตรวจดีเอ็นเอของ นางสุรีวรรณ์ ยอดพะเนา ผู้เป็นแม่วัย 58 ปี ชาว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กับศพไร้ญาติรายหนึ่ง มีดีเอ็นเอตรงกัน และได้รับการยืนยันว่าคือ น.ส.มยุรี บุตรสาวที่หายตัวไป ภายหลังมีการแจ้งความขอให้มีการรื้อคดีเมื่อวันที่ 28 ม.ค.64 ที่ผ่านมา และผลการสอบสวนสาวไปถึง ผอ.โรงเรียนรายหนึ่งในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี มีส่วนพัวพันในเชิงชู้สาวและเคยเป็น ผอ.โรงเรียนที่ น.ส.มยุรี เคยศึกษาอยู่ นำมาสู่การสืบสวนของชุดสืบสวน สภ.วัฒนานคร และสืบจังหวัดสระแก้ว กระทั่งสามารถจับกุมตัว นายจุมพล สุภาพงษ์ หรือ “ผอ.ตุ๊” ผู้ต้องหาได้ที่ จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 64 ที่ผ่านมา
โดยคดีนี้พนักงานสอบสวน สภ.วัฒนานคร ได้นำตัวนายจุมพล ส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดสระแก้ว เพื่ิอดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ที่ศาลจังหวัดสระแก้ว และศาลชั้นต้น พิเคราะห์พยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวน สภ.วัฒนานคร รวบรวมนำส่งพนักงานอัยการจังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีทั้งหลักฐานจากอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ซองปืน ผลการตรวจดีเอ็นเอ และคำให้การของเพื่อนผู้เสียชีวิต มีความชัดเจนเชื่อได้ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามคำร้องเป็นเงิน 1,700,000 บาท
ล่าสุด เวลา 10.00 น. วันนี้ (31 ต.ค.) ศาลจังหวัดสระแก้ว ได้อ่านคำพิพากษาของศาลฏีกา ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 7 ศาลจังหวัดสระแก้ว โดยนายจุมพล เข้ารับฟังคำพิพากษาผ่านวีดีโอคอนเฟอเร้นท์ จากเรือนจำจังหวัดระยอง โดยสวมชุดนักโทษสีน้ำตาลอ่อน สวมแว่นกรอบสีดำ สวมหน้ากากอนามัยสีฟ้า ซึ่งขณะฟังคำสั่งศาล ส่วนใหญ่นายจุมพล จะยืนก้มหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย มีโค้งคำนับและส่ายหัวบ้าง โดยศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาประมาณ 20 นาที ระบุว่า นายจุมพล สุภาพงษ์ หรือ ผอ.ตุ๊ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง จำเลยในคดีกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงมีคำพิพากษายืน ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามคำร้องเป็นเงิน 1,700,000 บาท ตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาก่อนหน้านี้
นายสมศักดิ์ ยอดพะเยา บิดาของน้องหลิว ซึ่งเดินทางมาฟังคำสั่งศาลฏีกาที่ศาลจังหวัดสระแก้ว พร้อมกับบุตรชาย โดยนางสุรีวรรณ์ ผู้เป็นแม่ มีอาการป่วยต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.โคกสูง จึงไม่ได้เดินทางมาด้วย ซึ่งนายสมศักดิ์ กล่าวภายหลังฟังคำพิพากษาของศาลฏีกาว่า รู้สึกดีใจมากๆ ที่ศาลให้ความยุติธรรมกับครอบครัวของตนเองและลูกสาว รู้สึกดีใจ ซึ่งขณะฟังคำสั่งศาลเห็นหน้า ผอ.ตุ๊ ซึ่งก็พบว่า ผอมลง หลังจากนี้จะปรึกษากับมูลนิธิกระจกเงา เพื่อดำเนินการต่อในเรื่องค่าสินไหมที่ศาลสั่งให้จ่ายให้กับครอบครัว ถือว่า ได้รับความยุติธรรมแล้ว เมื่อกลับถึงบ้านจะไปจุดธูปบอกน้องหลิว ว่า ชนะคดีแล้ว ถือว่า คนที่ทำกับน้องหลิวได้รับกรรมที่ทำไป
“เงินค่าชดเชยจะได้หรือไม่ได้ก็ยังไม่รู้ เพราะตัวเขาติดคุก อยากบอกกับน้องหลิวว่า พ่อดีใจแล้วที่ศาลให้ความยุติธรรมแก่ลูก กลับไปบ้านจะจุดธูปบอกลูกเอง ขอบคุณอย่างมากเลยที่มูลนิธิกระจกเงาตามหาน้องจนเจอ ผมว่า เขาเก่งมาก ไม่รู้ไปรวบรวมยังไงจนพบว่า ถูกนำศพมาทิ้งที่ อ.วัฒนานคร กี่อำเภอ กี่จังหวัด มูลนิธิฯ สุดยอด หากไม่ช่วยก็คงไม่มีวันนี้ มืดตึ๊บ แล้วจะไปปรึกษาใครก็ไม่ได้ เพราะก็ไม่มีความรู้อะไร ตาสีตาสา ส่วน ผอ.ตุ๊ ผมไม่อยากจะพูด พอแล้ว ให้เขาใช้ชีวิตเขาไปแบบนั้น เขาทำอะไรไว้ก็แล้วแต่บุญวาสนาของเขา ตัวใครตัวมัน ใครทำกรรมไว้ก็ต้องรับกรรม” นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยอาการน้ำตาคลอ
ขณเดียวกัน นายเอกลักษณ์ หลุมชุมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งเดินทางมารับฟังคำพิพากษาของศาลฏีกาด้วย กล่าวว่า คดีนี้ น้องหลิว หายตัวไปตั้งแต่ปี 2555 แล้วตอนหายตัวไปมีการปล่อยข่าวล่วงซึ่งน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุอ้างว่า น้องไปทำงานต่างประเทศ ครอบครัวคิดว่า เป็นแบบนั้น จึงไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากไปแจ้งความคนหาย จนกระทั่งเวลาผ่านไป 8 ปี เริ่มผิดสังเกต เพราะว่า ลูกหายไปนานและดูข่าวมูลนิธิกระจกเงาตามหาคนหายไปนานหลายปีจนพบตัว จึงแจ้งเรื่องมาที่เรา จึงได้สอบสวนและตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ประเมินว่า อาจจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ประกอบกับน้องหลิว ไม่มีการเดินทางออกนอกประเทศ บัตรประชาชนหมดอายุแล้วไม่ได้ไปต่อบัตร ประเมินว่า อาจจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น ก็พยายามไปตามหาข้อมูลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นพบว่า มีปมปัญหาเรื่องชู้สาว ณ เวลานั้น ในช่วงที่หายตัวไป เมื่อไปไล่ดูศพนิรนามในพื้นที่เกือบ 5 จังหวัด เกือบ 10 รพ.ก็พบว่า ห้วงเวลานั้นมีศพผู้หญิง 3 ศพ ที่ใกล้เคียงกับคนหาย จึงเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของแม่ไปตรวจเทียบ จึงพบว่า มี 1 ศพที่เสียชีวิตที่ ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร ดีเอ็นเอาตรงกับน้องหลิว และถูกฆาตกรรมด้วยอาวุธปืน
นายเอกลักษณ์ ระบุอีกว่า เมื่้อพบข้อมูลดังกล่าว จึงประสานเรื่องไปที่ สภ.วัฒนานคร และตำรวจสอบสวนกลาง ในการสืบสวนขยายผลจนเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานที่แน่นหนา ในการจับกุมและเอาผิดผู้กระทำความผิดได้ ซึ่งมีตำรวจ สภ.วัฒนานคร โดย พ.ต.อ.สาธิต มิตรรัก ผกก.สภ.วัฒนานคร ขณะนั้นได้กรุณาทำสำนวนได้ละเอียดและรัดกุม สามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้ ณ ขณะนี้ ศาลฏีกาตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โดยให้จำคุกตลอดชีวิตและให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ครอบครัวผู้เสียหาย 1.7 ล้านบาท ซึ่งก็ถือเป็นการคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวคนหาย ซึ่งระยะเวลาตั้่งแต่หายไปจนถึงวันนี้รวมเวลา 12 ปีเต็ม ตำรวจทำคดีและศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฏีกา มีคำพิพากษาประมาณ 3-4 ปี
“ครอบครัวน้องหลิว ได้รับความยุติธรรมคืนบางส่วนคือ ชีวิตที่เสียไปอาจจะแลกกับผลของการที่ผู้กระทำความผิดทำไม่ได้ เพราะว่า ความสูญเสียมันใหญ่หลวงมาก แต่อย่างน้อยได้รับความยุติธรรมกลับคืนมา แล้วผู้กระทำความผิดได้ไปชดใช้โทษ ชดใช้กรรมตามกฎหมาย ก็เป็นสิ่งที่ถ้าน้องหลิวทราบ คงสบายใจขึ้นที่พ่อแม่ได้รับความยุติธรรม” นายเอกลักษณ์ กล่าว