เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 67 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.กก.สส.บก.น.5, พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2, ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ.บก.สส.บช.น., ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฝทว.7 ทว., ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อันชูฤทธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ดินแดง, ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2 บก.อก.สทส., จ.ส.ต.สรศักดิ์ ด้วงชู ผบ.หมู่ กก.สส.บก.น.4, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปส.3, ส.ต.ต.เมธิชัย คำดี ผบ.หมู่ กก.สส.1 บก.สส.บช.น.และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ร่วมกันสืบสวนจับกุมตัว นายชลทิศ อหะหมัดจุฬา หรือ “หมวดเจมส์” อายุ 34 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 155 ซอยอิสรภาพ 28 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.825/2567 ลงวันที่ 16 ก.ย. 67 ข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น” และข้อหาเพิ่มเติมว่า “พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พร้อมของกลาง 5 รายการ 1.อาวุธปืน SIG SAUER ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก (ขึ้นลำพร้อมใช้) 2.กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 12 นัด 3.บัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ปลอม) ปรากฏชื่อและใบหน้าของคนร้าย จำนวน 1 ใบ 4.เครื่องแบบตำรวจ จำนวน 2 ชุด และ 5.เสื้อเกราะกันกระสุน จำนวน 1 ชุด โดยจับกุมได้ที่ตลาดนัดเดินเล่น ซอยเทอดไท 33 แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
การจับกุมครั้งนี้ ผู้ต้องหาอดีตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล ตระเวนหาซื้อเครื่องแบบตำรวจมาสวม ตัดผมสั้นเกรียน แล้วมักทำทีสวมเสื้อเกราะ สวมอุปกรณ์ยุทธวิธี ให้เหมือนตำรวจ อุปโลกน์สร้างโปรไฟล์ว่าตนเป็นชุด “เฉพาะกิจ ปะฉะดะ”
ปัจจุบันปลอมตัวเป็นสายสืบตระเวนกรรโชกทรัพย์ กระทั่งมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.บางมด พร้อมกับมอบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดที่เห็นพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 67 เวลาประมาณ 16.00 น. ขณะที่ผู้เสียหายอยู่ในบ้านพักได้มีชายแต่งกายคล้ายสายสืบ ทราบภายหลังคือ นายชลทิศ อ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่จาก “สืบนครบาล” ชื่อว่า “หมวดเจมส์” เข้าไปจับกุมผู้เสียหายที่อยู่ในบ้านพัก โดยอ้างว่ามีน้ำกระท่อม 3 ขวด ก่อนจะเรียกเงินจำนวน 3,000 บาท จากผู้เสียหาย โดยข่มขู่ว่าหากไม่จ่ายจะถูกจับกุมดำเนินคดี ผู้เสียหายจึงยอมจ่ายเงินสดให้กับคนร้ายไป 3,000 บาท พร้อมกับข่มขู่ให้จ่ายค่าคุ้มครองแบบรายเดือนอีก 500 บาทต่อเดือน ก่อนจะออกจากบ้านผู้เสียหายไป
ต่อมาก็ได้มีการออกหมายจับสายสืบเก๊รายนี้ แต่จากการสืบสวนติดตามคนร้าย หลบหนีไปกบดาลตามแหล่งชุมชนในพื้นที่ฝั่งธนบุรี พร้อมกับสั่งให้ลูกสมุนคอยสังเกตการณ์ ดูตำรวจเข้าออกชุมชนตลอดเวลา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ได้พยายามเข้าไปจับกุมกว่าหลายครั้ง แต่ก็คว้าน้ำเหลวร่ำไป พล.ต.ต.ธีรเดช ผบก.สส.บช.น. จึงวางแผนล่อเสือออกจากถ้ำ ตีเนียนปลอมคูปองส่วนลดร้านไอศกรีมชื่อดังร้านโปรดของคนร้ายส่งไปให้ เป็นหนทางเดียวที่จะเจอคนร้ายได้ กว่า 7 วันที่ชุดสืบสวนต้องกินนอนเฝ้าร้านไอศกรีม
กระทั่งช่วงหัวค่ำของวันที่ 30 ต.ค.ผู้ต้องหามาปรากฏตัวที่ร้านไอศกรีมด้วยท่าทีระแวงรอบทิศ พล.ต.ต.ธีรเดช จึงสั่งการให้ตะครุบตัวไว้
จากการตรวจค้นพบอาวุธปืน 1 กระบอกขึ้นลำ พร้อมปะทะ และยังพบบัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจปลอม ปรากฏชื่อและใบหน้าของคนร้ายซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าคาดเอว จึงยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านพักของคนร้ายในชุมชนย่านวัดหงส์รัตนาราม พบเครื่องแบบตำรวจและเสื้อเกราะกันกระสุนอีกหลายรายการ
สอบสวนหมวดเจมส์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพโดยให้การว่า ตนเองเป็นเหลนของเจ้าพระยาท่านหนึ่ง และตระกูลตนเป็นตระกูลชื่อดังมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีสายเลือดเจ้าหน้าที่ของบรรพบุรุษเข้มข้น จึงทำให้ตนเองอยากเป็นตำรวจ แต่ด้วยวัยเด็กตนเองเกิดมีลูกก่อนวัยอันควรทำให้ไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องออกมาทำงานหาเงิน จนในปัจจุบันตนเองไม่สามารถสอบเข้าตำรวจได้แล้วแต่ก็ยังมีความอยากเป็นตำรวจอยู่ดี จึงสมัครเป็น อปพร. อยู่สักพักหนึ่ง กระทั่งได้เรียนรู้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และในคดีนี้ตนเองได้เบาะแสจุดร้านกระท่อมของผู้เสียหาย จึงเห็นช่องทางในการจะตบทรัพย์จึงปลอมตัวเป็นสืบนครบาล โดยอ้างว่าตนเองชื่อ “หมวดเจมส์” ทำทีเข้าไปจับกุม ก่อนจะเรียกรับเงินเป็นจำนวน 3,000 บาท แต่หลังก่อเหตุก็เกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นตนจึงหลบหนี โดยยืนยันว่าเคยก่อเหตุมาแค่ครั้งเดียวจริงๆ ไม่เคยก่อเหตุเช่นนี้มาก่อน
เบื้องต้นจึงนำตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บุคคโล ดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า จากการขยายผลเราได้ข้อมูลว่าคนร้ายรายนี้เคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง มักอ้างว่าตนเองเป็นสืบนครบาล เชื่อว่าเคยมีผู้ตกเป็นเหยื่ออีกไม่น้อย หลังจากนี้เราจะมีการขยายผลโดยละเอียด และขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ผู้ใดเคยถูกผู้ต้องหารายนี้กระทำการอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจข่มขู่ตบทรัพย์สามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่เพจ สืบนครบาล IDMB เราจะมีการขยายผลให้ถึงที่สุด แม้ว่าจะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.