ในช่วงปี 2024 ที่ผ่านมานี้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายกับตลาดคริปโตทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทางสหรัฐได้ประกาศรองรับ Bitcoin ETF หลายเจ้า ส่งผลให้นักลงทุนในไทยต่างพากันตื่นตัวขึ้นแม้ว่าสถานการณ์ตลาดคริปโตในบ้านจะยังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรนัก และคาดหวังว่าในไทยเองจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้
ตามที่สมชัย วัง ได้กล่าวไว้ การขายพรีเซลคริปโตหรือการขายเหรียญใหม่ที่ยังไม่เข้าสู่เว็บไซต์แลกเปลี่ยนคริปโต ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อเหรียญเหล่านั้นได้ในราคาถูก และทำกำไรจากการเพิ่มขึ้นของราคาเมื่อเหรียญเหล่านั้นถูกเพิ่มเข้าไปในเว็บไซต์แลกเปลี่ยน
และทาง ก.ล.ต.ของไทยเองก็ได้เปิดรับความคิดเห็นจากนักลงทุนทั่วประเทศเกี่ยวกับหลักการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ดังกล่าวเพื่อให้นักลงทุนผู้ที่อยู่ในแวดวงได้มีส่วนร่วมออกความคิดเห็นซึ่งได้เผยแพร่เอกสารผ่านทางเว็บไซต์ นักลงทุนที่สนใจสามารถเข้าไปให้ความเห็นและแนะนำข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคตได้ โดยจะเปิดให้มีส่วนร่วมได้จนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ที่จะถึงนี้
แน่นอนว่าการปรับเกณฑ์กองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคลในครั้งนี้ทาง ก.ล.ต. มุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยและการครอบคลุมของนักลงทุนเกี่ยวกับทรัพยสินดิจิทัลที่ถือครอง และการจัดการสินทรัพย์เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับผู้ลงทุนไม่ว่าจะรายเล็กหรือรายใหญ่ โดยแบ่งมาตรการทั้งหมดออกเป็น 3 ข้อหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
- รองรับให้โทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุน หรือ Investment Token เป็นสินทรัพย์ที่สามารถทำการลงทุนได้ โดยมีอัตราการลงทุนเช่นเดียวกับหุ้น หรือหุ้นกู้ เนื่องจากเห็นว่ามีความเสี่ยงและมีลักษณะของการลงทุนที่คล้ายและใกล้เคียงกัน โดยตัวอย่างโทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุนนั้นได้แก่ สินทรัพย์ทางการเงิน อสังหาและสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
- เพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุนคริปโตให้มีขอบเขตกว้างขึ้นเพื่อสร้างความเท่าเทียมในการลงทุน โดยจะให้นักลงทุนรายใหญ่และรายย่อยสามารถถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลได้โดยไม่จำกัดสัดส่วนในการลงทุนผ่านการสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งโครงการดังกล่าวจะต้องมีคุณสมบัติทั้งสามข้อครบถ้วน ได้แก่ เป็นกองทุนที่จัดตั้งภายหลังที่กฎระเบียบมีผลบังคับใช้ เป็นกองทุนที่มีกลยุทธ์และเป็นกองทุนรวมผสมที่มีนโยบายหลักเพื่อ Asset allocation และต้องเปิดเผยข้อมูลคำเตือนเกี่ยวกับโครงการไว้อย่างชัดเจน
- ปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การเก็บรักษาทรัพย์สินดิจิทัล การคำนวณมูลค่า DA การเปิดเผยข้อมูล รวมไปถึงการโฆษณาที่เหมาะสมเพื่อให้ครบคลุม Crypto Asset เป็นต้น
ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความปลอดภัยที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงให้กับนักลงทุนคริปโตในไทยได้มากขึ้น อีกทั้งยังสอดคล้องกับการซื้อขายที่มีการอัปเดตในตลาดโลกอีกด้วย
โดยความเห็นของทาง Binance TH ที่มีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ที่ปรับปรุงจากทาง ก.ล.ต. นั้นทำให้ตลาดคริปโตในไทยจะเป็นที่ยอมรับกว้างขวางมากขึ้น พร้อมกับเพิ่มโอกาสในการลงทุนจากนักลงทุนรายใหญ่และรายย่อยอย่างชัดเจนทั้งหมดเป็นโอกาสที่จะทำให้ตลาดคริปโตไทยก้าวไปสู่ศูนย์กลางทรัพย์สินดิจิทัลระดับภูมิภาคเลยทีเดียว
ประเทศในเอเชียหลายประเทศต่างพากันเสนอตัวที่จะเป็นฮับหรือศูนย์กลางของตลาดคริปโตภาคเอเชียกันอย่างมากมาย รวมไปถึงประเทศไทยด้วย ดังนั้นแล้วหลักเกฑณ์ที่ปรับเปลี่ยนนี้จะส่งผลให้โอกาสของไทยนั้นมีเพิ่มมากขึ้น และยังสร้างความเท่าเทียมให้กับนักลงทุนหลายระดับอย่างที่ไม่ค่อยพบเห็นมากเท่าใดนัก
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้สินทรัพย์ดิจิทัลในไทยจะมีผู้ถือครองเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่ทว่าการซื้อขายในไทยหรือการใช้งานเป็นวงกว้างในอุตสาหกรรมของไทยนั้นยังไม่ถือว่าแพร่หลายเท่าไหร่นัก ร้านค้าและสถาบันทางการเงินไม่กี่แห่งที่เปิดรับการแลกเปลี่ยนด้วยคริปโต ดังนั้นแล้ว Binance TH จึงมองเห็นว่าการปรับเปลี่ยนนี้จะช่วยให้ตลาดคริปโตไทยเติบโตและเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการลงทุนในอนาคตอย่างแน่นอน