เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 30 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงปลัดอำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม ที่มีข้อมูลพบเป็นจำเลยในคดีตากใบ กลับมาทำงานหลังคดีหมดอายุความไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นคนลงนามในคำสั่ง โดยที่ตนหารือกับปลัดกระทรวงมหาดไทย และขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงชี้แจงมา เพราะมีประเด็นที่ต้องตรวจสอบ เมื่อทางนายอำเภอท่าอุเทนได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ และมีหนังสือให้ติดตามบุคคลดังกล่าวในระหว่างมีหมายเรียกจากศาลฯ ทางปลัดอำเภอท่าอุเทน ได้เขียนใบลาไว้ก่อน พอทราบมาว่ามีหมายเรียกจากศาลฯ นายอำเภอท่าอุเทนจึงยกเลิกอนุมัติการลา และเรียกให้ปลัดอำเภอรายนี้มารายงานตัวเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้มารายงานตัว ตรงนี้จึงต้องมีการตรวจสอบ
“หากไม่สอบสวน เดี๋ยวจะมีประเด็นต่อว่าทำไมไปอนุมัติให้ลา แต่ได้รับคำชี้แจงว่า ตอนอนุมัติให้ลา ยังไม่มีการขอความร่วมมือจากทางตำรวจมา ดังนั้นเรื่องนี้จะตรวจสอบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะไม่ยาก เป็นห้วงเวลาสั้นๆ ตัวปลัดอำเภอท่าอุเทน หลังจากคดีหมดอายุความก็มาทำงานเลย จึงเรียกมาสอบสวนได้ง่ายอยู่แล้ว” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามถึง กรณีที่มีข้อเสนอให้ย้ายปลัดอำเภอท่าอุเทน ไปประจำการที่อำเภอตากใบก่อน นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปเอาความสะใจ เอาเรื่องราวมาก่อน เพราะเดี๋ยวนี้มีเรื่องจริยธรรม ไม่ใช่ว่า ไม่ผิดตามกฎหมาย แล้วจะดำเนินการทุกอย่างได้ตามปกติ ตนถามกลับว่า คนที่ขัดหมายจับหรือหมายเรียก จะผิดจริยธรรมหรือไม่ หากวิญญูชนทั่วไปคิดว่าการหลบหนีหมายจับหรือการมาขึ้นศาล ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ขัดต่อหลักวิญญูชน จึงอยากย้ำถึงประชาชนว่า เมื่อคดีหมดอายุความแล้ว คนเหล่านี้จะกลับมาสบาย แต่ตนยืนยันว่า คนเหล่านี้ไม่สบายหรอก เพราะเห็นชื่อเมื่อไหร่ คนก็ร้องเอ๊ะได้เลย
เมื่อถามว่า การสอบสวนในครั้งนี้ จะเป็นบรรทัดฐานให้กับข้าราชการกระทรวงมหาดไทยได้อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องดูเรื่องของกฎหมาย หากเป็นอย่างไรก็ว่ากันไป แต่ก็ยังมีหลักอื่นที่มาจับได้ โดยทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามความจริง ยืนยันถึงความเป็นธรรม อย่าไปทำตามแรงอารมณ์ และความกดดัน.