เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ห้องประชุมสนฉัตร ชั้น 3 กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมบังคับคดี สถาบันอนุญาโตตุลาการ และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ก่อนเปิดเผยถึงความคืบหน้าในกรณีสำนวนคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ โดยอำนาจของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า

ตนยังไม่ได้รับรายงานโดยตรงจากรักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ เพียงดูแต่ข่าวเท่านั้น แต่ในความเห็นส่วนตัว คดีฉ้อโกงประชาชน ตนอยากให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ แต่ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมาย เพราะตำรวจทำมาดีอยู่แล้ว มีพนักงานสอบสวนและมีศักยภาพ อีกทั้งคดีฉ้อโกงประชาชน ถ้าผู้เสียหายมีจำนวนมาก เราเหลืออีกแค่ 3 ฝาก ซึ่งเราก็ต้องส่งสำนวนภายในไม่เกิน 20 กว่าวัน ดังนั้น ต้องมีเวลาให้พนักงานอัยการพิจารณาใน 1 ฝาก เพราะคดีเหล่านี้ส่วนใหญ่ประมาณ 4 ฝาก แต่อาจเป็นรายละเอียดของสำนวน เรื่องหลักการสอบสวนที่สำคัญที่สุดคือการสอบสวนนั้นชอบหรือไม่ชอบ ถ้าคดีเข้าเขตกฎหมายของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็อาจจะต้องส่งมาให้ใช้ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547

แต่ถ้าหากมีการรับเป็นคดีพิเศษ ก็อยากจะขอความกรุณา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้พนักงานสอบสวนเดิมที่ทำคดีมาเป็นพนักงานสอบสวน จะได้ไม่มีรอยต่อ ส่วนเรื่องหากเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ หรือ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และการฟอกเงินนั้น อันนี้จะต้องมีการสืบสวน ต้องใช้เวลาในการรวบรวมหลักฐานทั้งทางด้านการเงินและทางด้านบัญชี ซึ่งอันนี้จะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการสอบสวนไม่ว่าจะอยู่กับใคร ก็ต้องทำให้เกิดความยุติธรรม และทำตามพยานหลักฐาน ความยุติธรรมถือเป็นเรื่องสำคัญ และบนฐานความยุติธรรมก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ตนไม่อยากให้มองว่าเรื่องมาดีเอสไอแล้วตำรวจหมดหน้าที่ แต่ตนอยากจะขอให้ใช้ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ซึ่ง พ.ร.บ.ฯ นี้จะมีอำนาจพิเศษก็คือการให้พนักงานอัยการเข้ามาดูสำนวนเลย แทนที่ถ้าตำรวจต้องส่งสำนวนสัก 7 วัน หรือ 12 วันเพื่อให้อัยการพิจารณา ซึ่งก็น้อยอยู่แล้ว

พ.ต.อ.ทวี เผยอีกว่า การให้อัยการเข้ามาดูสำนวนมาร่วมสอบสวนจะเป็นเรื่องที่ดี และตนจะขอให้ตำรวจเดิมที่เป็นพนักงานสอบสวนที่เคยทำก็ตั้งมาเป็นพนักงานสอบสวน แล้วมาร่วมกันทำสำนวนเพื่ออำนวยความยุติธรรมตามพยานหลักฐาน ถ้าเราไม่เป็นหลัก ไม่เป็นมืออาชีพให้กับประชาชน ทั้งที่คดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก และมันก็เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ดีเอสไอหรือที่รับเรื่องมาก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนให้ได้ จะขอให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมได้เข้าไปดูและเข้าไปช่วยอำนวยความยุติธรรม

เมื่อถามว่าการที่จะให้ดีเอสไอเชิญอัยการมาร่วมทำการสอบสวนด้วยนั้น เพราะเกรงว่าอาจพบเจอการกระทำความผิดบางช่วงบางตอนที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ปฏิเสธว่าไม่ใช่เช่นนั้น เนื่องจากการสอบสวนคดีพิเศษ คดีใดที่เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องให้อัยการร่วมสอบสวน ก็สามารถขอให้ร่วมได้ หรือขอให้เป็นที่ปรึกษาได้ และเรื่องนี้หากจะมีการเข้ามาร่วมสอบสวนหลายหน่วย คำครหาว่าจะช่วยเหลือใคร มันจะทำแทบไม่ได้เลย เพราะแต่ละหน่วยมีความเป็นอิสระ และที่สำคัญก็ยังให้ตำรวจเป็นพระเอกอยู่ ไม่ใช่กรมสอบสวนคดีพิเศษ

ต่อข้อถามเรื่องความสับสนของประชาชนว่าถ้าเป็นผู้เสียหาย หลังจากนี้จะเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือเข้าไปพบที่ดีเอสไอนั้น พ.ต.อ.ทวี แจงว่า ถ้าเป็นคดีพิเศษ เราก็จะตั้งพนักงานสอบสวนเดิม ซึ่งก็มีเยอะอยู่แล้ว อย่างไรก็ยังไปหาตำรวจได้ ถ้าเขาเป็นพนักงานสอบสวนที่ได้มีการเสนอนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง และก็ยังมาที่ดีเอสไอได้เนื่องจากผู้เสียหายจำนวนเยอะ อีกทั้งเรื่องสำคัญที่เรายังเป็นอุปสรรคในอดีต คือ การเยียวยาหรือการคืนเงินให้ผู้เสียหายช้าไป ถ้าเป็นคดีพิเศษ ทรัพย์สินใดที่เป็นของประชาชนก็สามารถคืนให้ผู้เสียหายได้ควรเร่งคืนให้เขา

เมื่อถามถึงประเด็นที่พรรคพลังประชารัฐมีการออกมาแถลงข่าวและพูดถึงอักษรย่อของนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับดิไอคอนฯ นั้นจะต้องมีการกำชับตรวจสอบอย่างไรบ้าง พ.ต.อ.ทวี แจงว่า อาจจะเรียกคนของพรรคพลังประชารัฐมาสอบปากคำ เพราะการที่ไปแถลงข่าวนั้นจริงหรือไม่จริง ซึ่งสามารถมาให้ข้อมูลได้ แต่ถ้ากลัวอันตรายจากการเปิดเผยก็ให้คนแถลงข่าวมารับการคุ้มครองพยานก็ได้ มิเช่นนั้น จะเป็นการพูดให้คนเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่เห็น แต่เรียนว่าการสอบสวนครั้งนี้จะให้พยานหลักฐานเป็นคนพูด ไม่ให้โฆษกต่าง ๆ มาพูด เราจะยึดพยานหลักฐาน ทั้งนี้ การจะเชิญโฆษกพรรคพลังประชารัฐมาสอบถามหรือไม่นั้น ถ้าเขาให้ข่าว อธิบดีดีเอสไอก็ควรเรียกคนแถลงข่าวมาให้ข้อมูล เพราะรัฐธรรมนูญบอกว่าเราต้องส่งเสริมให้ประชาชนเเจ้งข้อมูลข่าวสารและต้องเก็บเป็นความลับให้เขาด้วย หากมีการกล่าวพาดพิงถึงใคร อธิบดีดีเอสไอก็ควรใช้อำนาจเชิญคนเหล่านั้นมาให้ข้อมูล เพราะเขากล้าพูดให้คนอื่น เขาก็ต้องรับผิดชอบว่าเป็นเรื่องจริงไหม เราก็ต้องมาสอบว่าคุณมีหลักฐานหรือไม่จากการพูดออกไป

ต่อข้อถามว่าวานนี้ (29 ต.ค.) ทางตำรวจได้มีการประชุมหารือกับดีเอสไอ ทางดีเอสไอได้มีการรายงานความคืบหน้ามาบ้างหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า รรท.อธิบดีฯ ยังไม่ได้มีการรายงานมาเนื่องจากตนติดงานและไปต่างจังหวัด แต่วันนี้น่าจะมีการรายงานมา ส่วนในช่วงกลางวันวันนี้ ทาง รรท.อธิบดีฯ จะมีการรับเป็นคดีพิเศษ หรือไม่ อย่างไร โดยส่วนตัว คดีฉ้อโกงประชาชนตำรวจทำได้อยู่แล้ว ทำให้สุดยิ่งดี แต่อะไรที่เป็นเรื่องของการฟอกเงินก็แยกออกมาทำอีกสำนวนหนึ่ง มันจะได้มีประสิทธิภาพ แต่ทั้งหมดควรเป็นไปตามกฎหมาย ถ้าตำรวจและดีเอสไอเห็นตามกฎหมายว่าควรเป็นคดีพิเศษ ก็ควรเป็นคดีพิเศษ เพราะเรื่องการต่อสู้คดี การสอบสวนชอบหรือไม่ชอบสำคัญที่สุด เราจึงต้องทำตามกฎหมาย ทั้งนี้ คงต้องให้พนักงานสอบสวนได้พิจารณาจากพยานหลักฐานก่อนว่าแผนธุรกิจของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ถ้าจำเป็นอาจจะต้องมีการจัดประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อป้องกันการต่อสู้เรื่องการสอบสวนไม่ชอบได้

เมื่อสอบถามถึงกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่มีการเข้าไปภายในห้องพนักงานสอบสวนของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง พ.ต.อ.ทวี แจงว่า หากเป็นการเข้าไปเยี่ยม ทุกคนสามารถเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องราชทัณฑ์ได้หมด ไม่ได้มีใครพิเศษ และราชทัณฑ์ไม่ต้องรายงานมาเพราะมันเป็นกฎหมายอัตโนมัติ

ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เข้าไปภายในห้องพนักงานสอบสวนของเรือนจำฯ ประชิดตัวผู้ต้องขัง สามารถทำได้หรือไม่ หากไม่ใช่เจ้าหน้าที่ นั้น ตนยังไม่ทราบข้อเท็จจริงตรงนี้ อย่างไรก็ต้องดูเพราะตนยังไม่ได้รับรายงาน แต่โดยปกติทนายความสามารถเข้าได้อยู่แล้ว ส่วนจะไม่ได้เป็นทนายความ ไม่ได้เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย หรือไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องขัง ตนยังไม่ทราบรายละเอียด ส่วนการสั่งตรวจสอบไปยังผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับรายงานข้อเท็จจริงและการตรวจสอบกล้องวงจรปิดนั้น ตนยังไม่ได้สั่งการไป แต่หลังจากทราบข้อมูลก็จะขอสั่งการไป แต่เดี๋ยวขอสอบถาม เพราะยังไม่ได้มีประเด็นนี้มา

ต่อข้อถามว่ามันยังเป็นประเด็นสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวเข้าไปได้อย่างไร และเข้าไปในฐานะอะไร อีกทั้งทางราชทัณฑ์ยังไม่มีการชี้แจงออกมา พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า หลังจากนี้ตนจะให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้รายงานมา เมื่อถามถึงหลักการข้อเท็จจริงว่าปกติแล้วห้องพนักงานสอบสวนของเรือนจำมีไว้สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเดียวหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ทนายความ พนักงานสอบสวนต้องเข้าได้ อย่างไรก็ตาม สิทธิของคดีระหว่างเราถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ หากเจ็บป่วยต้องได้รับการรักษาพยาบาล และมีสิทธิที่จะพบทนายได้สองต่อสอง หากเขาเป็นทนายก็พบได้สองต่อสอง ซึ่งการพบสองต่อสองก็อาจจะเป็นในสภาพของเรือนจำอันนี้เป็นกฎหมาย ทนายมีสิทธิดีกว่าพนักงานสอบสวน หรือเท่า ๆ กับพนักงานสอบสวน

ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ต้องขังยืนยันว่าไม่ได้อนุญาตให้นายอัจฉริยะเข้าพบนั้น ตนจะให้ทางกรมราชทัณฑ์รายงานมา แต่ว่าในทางปฏิบัติ ถ้าการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง ถ้าเป็นทนายความสามารถเยี่ยมได้ และเข้าสอบสวนได้ ส่วนบุคคลดังกล่าวจะเป็นทนายหรือไม่ตนยังไม่รู้รายละเอียดเดี๋ยวขอไปดู สำหรับกรอบระยะเวลาที่จะรายงานข้อเท็จจริงต่อสังคมนั้น ข้อเท็จจริงกรมราชทัณฑ์น่าจะรู้อยู่แล้ว เขาต้องรายงานไม่เกินวันศุกร์นี้ (1 พ.ย.67) และตนจะให้กรมราชทัณฑ์แถลงข่าว.