สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ว่ากระทรวงพาณิชย์จีนวิพากษ์วิจารณ์ การตัดสินใจขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้าของจีนของอียู ว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับอัตราภาษีนำเข้าดังกล่าว รวมถึงได้ยื่นคำร้องภายใต้กลไกการระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ)

“จีนจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของบริษัทจีน” รัฐบาลปักกิ่งระบุในแถลงการณ์

นายวาลดิส ดอมบรอฟสกิส รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) กล่าวว่า พวกเขายึดแนวทางปฏิบัติที่เป็นธรรม และดำเนินการอย่างสมดุลและสมส่วน “เรายินดีต้อนรับการแข่งขัน รวมถึงในภาคส่วนยานยนต์ไฟฟ้า แต่จะต้องอยู่ภายใต้ความยุติธรรมและการแข่งขันที่เท่าเทียมกัน”

หลังการสอบสวนพบว่า การที่จีนใช้งบประมาณอุดหนุนอุตสาหกรรมรถอีวี ทำให้ผู้ผลิตจากยุโรปต้องเสียเงินอย่างไม่เป็นธรรมนั้น การตัดสินใจขึ้นภาษีครั้งใหญ่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารทางการของอียู ก่อนถูกตราเป็นกฎหมาย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และมีผลบังคับใช้อตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค. โดยจะมีผลเด็ดขาดตลอดระยะเวลา 5 ปี

นอกจากนี้ อัตราภาษีดังกล่าวยังครอบคลุมถึงยานยนต์ ที่ผลิตโดยบริษัทต่างชาติแห่งอื่นซึ่งมีสายงานการผลิตในจีน อาทิ เทสลา ซึ่งต้องเสียภาษีนำเข้าร้อยละ 7.8

ฝรั่งเศสซึ่งผลักดันการสอบสวนดังกล่าว แสดงความยินดีกับการตัดสินใจเพื่อปกป้องและป้องกันผลประโยชน์ทางการค้า ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมรถยนต์ของอียูเผชิญกับความซบเซา สวนทางกับโฟล์คสวาเกน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของเยอรมนี และเรียกร้องให้บรัสเซลส์แก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา

นายฮิลเดการ์ด มูลเลอร์ ประธานสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนี กล่าวว่า ภาษีนำเข้าพิเศษถือเป็น “การก้าวถอยหลัง” ของการค้าเสรีโลก และกระทบความเจริญรุ่งเรือง, การรักษาตำแหน่งงาน และการเติบโตในยุโรป

ก่อนหน้านี้ โฟล์คสวาเกนซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากจีน เคยเตือนว่า การขึ้นภาษีนำเข้าจะไม่ช่วยปรับปรุงความสามารถ ให้กับการแข่งขันของอุตสาหกรรมรถยนต์ของยุโรป

อย่างไรก็ดี การเจรจาระหว่างอียูกับจีนในเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไป และอาจถูกยกเลิกได้หากการเจรจาบรรลุข้อตกลงที่น่าพอใจ โดยการหารือมุ่งเน้นไปที่ราคาขั้นต่ำที่จะมาแทนภาษีนำเข้า และการบังคับให้ผู้ผลิตจากจีนขายยานยนต์ในราคาดังกล่าว เพื่อชดเชยเงินอุดหนุน

ขณะเดียวกัน จีนเริ่มตอบโต้อียู ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีบรั่นดีที่นำเข้าจากอียู “เป็นการชั่วคราว” เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมา รวมถึงการสอบสวนการอุดหนุนผลิตภัณฑ์นม และเนื้อหมูบางรายการจากอียู.

เครดิตภาพ : AFP