นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 67 (ต.ค.66-ก.ย.67) มีผู้โดยสารมาใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) ประมาณ 60 ล้านคน เพิ่มขึ้น 24.04% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีเที่ยวบิน 346,680 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 11.47% และในปีงบประมาณ 68 (ต.ค.67-ก.ย.68) คาดว่าจะมีผู้โดยสาร 64.44 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับปีงบฯ 67 และมีเที่ยวบิน376,820 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 8.69% ซึ่งกลับมาเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เมื่อปี 62 จึงต้องเร่งพัฒนา ทสภ. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารและก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน(ฮับ) ของภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาล โดยเบื้องต้นต้องใช้วงเงินลงทุนเกือบ 2 แสนล้านบาท

นายกีรติ กล่าวต่อว่า ทอท. อยู่ระหว่างทบทวนแผนแม่บทพัฒนา ทสภ. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่วางเป้าหมายผลักดัน ทสภ. ติดอันดับ 1 ใน 20 สนามบินที่ดีที่สุดในโลกภายใน5ปี(72) และเพิ่มศักยภาพสนามบินรองรับผู้โดยสารได้ 150 ล้านคนต่อปี เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน(ฮับ) คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน เม.ย.68 จะทำให้เห็นชัดเจนว่าควรจะพัฒนาส่วนใดบ้าง เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย จากนั้นจะออกแบบรายละเอียดใช้เวลา 1 ปี

นายกีรติ กล่าวอีกว่า หากเดินตามแผนแม่บทฯ ที่ผ่านมา อาจยังไม่ตอบโจทย์ และไม่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 150 ล้านคนต่อปีจึงอาจต้องดึงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ทางด้านถนนบางนา-ตราด และรันเวย์เส้นที่ 4 วงเงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเดิมอยู่ในระยะสุดท้ายมาดำเนินการควบคู่ไปกับส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก (East Expansion) วงเงินประมาณ 9 พันล้านบาท และส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตก(West Expansion) วงเงินประมาณ 9 พันล้านบาท โดยปัจจุบันเตรียมเสนอ East Expansion เข้า ครม. ในเดือน ธ.ค.67 คาดว่าจะเปิดประมูลเดือน ม.ค.68 ส่วน West Expansion อยู่ระหว่างปรับแบบ

นายกีรติ กล่าวด้วยว่า นอกจากการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ทสภ. ยังให้ความสำคัญกับงานบริการที่จะทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวก รวดเร็วที่สุด โดยอยู่ระหว่างเร่งพิจารณาร่างรายละเอียดเงื่อนไขการประกวดราคาการสรรหาผู้ให้บริการภาคพื้นรายที่ 3 และโครงการให้บริการคลังสินค้า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินกลางเดือน พ.ย.67

จากนั้นจะนำขึ้นประกาศผ่านเว็บไซต์ประมาณ 2 สัปดาห์ และต้นเดือน ธ.ค.67 จะเปิดประกวดราคา และพิจารณาข้อเสนอต่างๆ คาดว่าจะลงนามสัญญากับเอกชนผู้ชนะการประมูลทั้ง 2 โครงการ รวมทั้งรายงานให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบได้ไม่เกินเดือน มี.ค.67 ทั้งนี้โครงการจะช่วยแก้ปัญหางานบริภาคพื้นล่าช้าในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายกีรติ กล่าวอีกว่า พร้อมกันนี้ประมาณเดือน มี.ค.68 ทอท. เตรียมเปิดประกวดราคาระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ทั้งขาเข้า และขาออก วงเงินประมาณ 3,800 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ เนื่องจากปัจจุบันยังเป็นการลำเลียงกระเป๋าโดยใช้รถลาก