‘Greener Store’ หรือ ‘ร้านค้าสีเขียว’ นับเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน เนื่องจากเป็นรูปแบบธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบต่อโลก โดยการนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้ในทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดการใช้พลังงาน การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ และการส่งเสริมให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

การดำเนินการดังกล่าวไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นหลัง อีกทั้งยังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม และต้องการสนับสนุนธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

ดังที่ล่าสุด ‘สตาร์บัคส์ ประเทศไทย’ (Starbucks Thailand) เปิดตัว ‘สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก’ ร้านกาแฟสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ โครงการ วัน แบงค็อก บนพื้นที่กว่า 860 ตารางเมตร สามารถรองรับลูกค้าได้ 230 ที่นั่ง สาขาดังกล่าวถือเป็นร้านที่ได้รับการออกแบบตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ด้วยความโดดเด่นในการออกแบบที่เน้นความยั่งยืนตามมาตรฐานสากล ครอบคลุมตั้งแต่การอนุรักษ์น้ำ พลังงาน ไปจนถึงและการลดขยะ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของสตาร์บัคส์ในการขยายเครือข่ายร้านค้าสีเขียวทั่วโลกกว่า 10,000 แห่งภายในปี 2568 เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้น้ำ และขยะฝังกลบลง 50% ภายในปีพ.ศ. 2573 อย่างเป็นรูปธรรม

“สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก  สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเราที่มีต่อประเทศไทยและลูกค้า รวมถึงความทุ่มเทของสตาร์บัคส์ต่อสิ่งแวดล้อม ชาวไร่กาแฟ และชุมชน เราได้สร้างพื้นที่ที่เป็นมากกว่าร้านกาแฟด้วยการผสานค่านิยมของเรากับศิลปะท้องถิ่น พื้นที่นี้คือส่วนหนึ่งของคำมั่นสัญญาของเราในการเสิร์ฟกาแฟคุณภาพเยี่ยม พร้อมกับการสร้างประโยชน์ต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ที่นี่คือจุดบรรจบของประเพณีและนวัตกรรม โดยที่ทุกแก้วจากสตาร์บัคส์บอกเล่าเรื่องราวของความยั่งยืนและวัฒนธรรมท้องถิ่นในประเทศของเรา” ‘เนตรนภา ศรีสมัย’ กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าว

สำหรับแนวคิดในการสร้างสรรค์สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก เนตรนภา กล่าวว่าคือความมุ่งมั่นสร้างประสบการณ์กาแฟอันเป็นเอกลักษณ์ ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด ‘Third Place’ หรือ ‘บ้านหลังที่สาม’ เพื่อส่งมอบพื้นที่สำหรับการพบปะสังสรรค์และพักผ่อน พร้อมผสมผสานวัฒนธรรมไทยเข้ากับการออกแบบที่ทันสมัย สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง ตอกย้ำความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนท้องถิ่น ด้วยการนำนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนมาประยุกต์ใช้ อาทิ ระบบรีไซเคิลและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของโครงการ วัน แบงค็อก

ด้าน ‘จุฑาทิพย์ เก่งมานะ’ ผู้จัดการด้านผลกระทบทางสังคมและความยั่งยืน สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวว่า สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก เป็นสาขาต้นแบบที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสตาร์บัคส์ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมีการนำเสนอ Condiment Bar เพื่อส่งเสริมให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการลดขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม การออกแบบร้านที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด นับเป็นการตอกย้ำพันธกิจของเราในการสร้างสรรค์ประสบการณ์กาแฟที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นแรงบันดาลใจให้สาขาอื่นๆ ในประเทศไทยดำเนินตาม

นอกจากนี้ สาขาดังกล่าวยังได้รับการออกแบบให้เป็นพื้นที่ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมกาแฟไทย โดยได้รับแรงบันดาลใจจากทิวเขาและชุมชนชาวเขาในภาคเหนือ ผสานเข้ากับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยแนวคิด ‘เรือนยอดไม้ใหญ่’ หรือ ‘Tree Top Canopy’ ที่สื่อถึงระบบนิเวศของแหล่งปลูกกาแฟ โดยชั้นล่างจำลองเป็นรากฐานของต้นกาแฟที่เน้นการชงและเสิร์ฟกาแฟชั้นเยี่ยม ขณะที่ชั้นบนเปรียบเสมือนเรือนยอดที่เป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อนและพบปะสังสรรค์ ทั้งยังตกแต่งด้วยผลงานศิลปะจากศิลปินไทยหลากหลายท่าน เพื่อสะท้อนความหลากหลายทางชีวภาพของแหล่งปลูกกาแฟและสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง สร้างสรรค์ประสบการณ์ Third Place ที่สมบูรณ์แบบสำหรับลูกค้า

“สตาร์บัคส์ รีเสิร์ฟ วัน แบงค็อก ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมกาแฟอันหลากหลายของภาคเหนือของไทย และบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาของทำเลใจกลางเมืองนี้ เราได้สร้างพื้นที่ที่สะท้อนถึงความงดงามและประเพณีของเรา ร้านนี้ยังเป็นสถานที่ต้อนรับใจกลางกรุงเทพฯ ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของสตาร์บัคส์ในการเชื่อมต่อผู้คนผ่านกาแฟที่มีคุณภาพท่ามกลางพื้นที่ที่มีความสวยงาม ทุกรายละเอียดตั้งแต่การออกแบบพื้นที่ไปจนถึงงานศิลปะ ล้วนบอกเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมท้องถิ่นและความยั่งยืน” ‘ธนาศักดิ์ กุลรัตนรักษ์’ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวถึงเบื้องหลังการออกแบบร้าน

ทั้งนี้ สตาร์บัคส์ จะเดินหน้าขยายเครือข่ายร้านกาแฟสีเขียวสู่เป้าหมาย 20 สาขา ภายในสิ้นปี 2567 เพื่อตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืนและสนับสนุนให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วม ผ่านแคมเปญ ‘LITTLE CHOICES. BIG CHANGES.’ โดยมอบส่วนลดเมื่อนำแก้วส่วนตัวมาใช้