นายกิตติชัย ตรีรัชตพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNL ผู้ประกอบธุรกิจบริการทางการเงินและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ซึ่งถือหุ้นใหญ่โดบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2 ปรากฏว่า ได้การตอบรับจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ที่เสนอความต้องการซื้อเข้ามาจำนวนมาก ทำให้บริษัทได้ตัดสินใจเพิ่มวงเงินการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ จาก 300 ล้านบาท เป็น 700 ล้านบาท ซึ่งได้ดำเนินการจัดจำหน่ายเสร็จสิ้นแล้ว

​โดยหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นประเภทหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ โดยเสนอขายต่อนักลงทุนสถาบันและ/หรือนักลงทุนรายใหญ่ หุ้นกู้มีอายุ 2 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.95% ต่อปี เสนอขายในระหว่างวันที่ 21-22 และ 24 ตุลาคม 2567 ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่ บล. เอเซีย พลัส และบล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง

สำหรับวัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ นายนันทวัฒน์ สุรวัติเสถียร หัวหน้าคณะผู้บริหาร สายงานการเงินกล่าวว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปให้กลุ่มบริษัทใช้ในการขยายพอร์ตสินเชื่อที่มีหลักประกัน และ/หรือ จัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย และ/หรือ เพื่อลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย

บริษัทยังคงเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ โดยเฉพาะการเข้าซื้อ NPLs และ NPAs จากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน ที่ได้มีการสินทรัพย์เหล่านี้ออกขายมากขึ้นในตลาด จึงเป็นโอกาสในการพิจารณาเข้าซื้อสินทรัพย์เหล่านี้ได้ในราคาที่เหมาะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ธุรกิจและผู้ถือหุ้นได้ โดยบริษัทยังคงยืนยันในการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง นายกิตติชัยกล่าว

นายกิตติชัยยังกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ในปี 2566บริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้เป็นครั้งแรก อายุ 2 ปี ดองเบี้ยคงที่ 6.1% แก่นักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ ซึ่งได้รับการตอบรับดีมากเช่นเดียวกัน จนต้องเพิ่มวงเงินจาก 300 ล้านบาทเป็น 500 ล้านบาท

​ทั้งนี้ ปัจจุบันหุ้น TNL ได้ย้ายกลุ่มอุตสาหกรรมและหมวดธุรกิจไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา บริษัทประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) และดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทย่อย ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกัน ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย