เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 26 ต.ค. พ.ต.ต.อดิเทพ เทพเสนา สว. (สอบสวน) สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุชายยิงตัวเองเสียชีวิต ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งใน ซอยร่วมฤดี 1 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ลุมพินี, พ.ต.ต.สิทธิเดช ส้มทอง สว.สส.สน.ลุมพินี, เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันปราบปราม สน.ลุมพินีและฝ่ายสืบสวน, เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน, แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นร้านอาหารชั้นเดียว ที่ห้องในสุดซึ่งเป็นห้องผู้จัดการร้าน บริเวณโต๊ะทำงานพบศพนายเปี๊ยก (ขอสงวนชื่อสกุลจริง) อาย 72 ปี ผู้จัดการและเจ้าของร้าน สภาพนั่งหงายคออยู่บนเก้าอี้ มีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงเข้าไปในปากทะลุท้ายทอย เลือดนองพื้น บนพื้นใกล้ตัวพบอาวุธปืนลูกโม่ขนาด.38 บรรจุลูก 5 นัด ยิงไป 1 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนแม่บ้านร้านอาหาร อายุ 50 ปี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเข้ามาในร้านตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ก็พูดคุยกับพนักงานปกติ แต่สังเกตเห็นว่าช่วงค่ำมีลูกค้าไม่มาก ผู้ตายเดินไปเดินมาอยู่หลายรอบ เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่มีใครเอะใจ กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 20.00น. ผู้ตายเดินเข้าไปในห้องแล้วเงียบหายไปนาน จนพนักงานในร้านสงสัยว่าผู้ตายกลับบ้านไปแล้ว แถมยังไม่ออกมารับประทานอาหาร แต่อยู่ๆ ได้ยินเหมือนเสียงคล้ายสิ่งของตกใส่หลังคา แต่ก็ไม่ได้สนใจ กระทั่งเดินไปดูที่ห้องทำงาน มองผ่านกระจกเห็นเลือดออกจากปาก คิดว่าผู้ตายช็อก แต่เมื่อสังเกตดีๆ จึงเห็นมีปืนตกอยู่ที่พื้น จึงแน่ใจว่าผู้ตายได้ยิงตัวเอง จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ

แม่บ้านร้านอาหาร ให้การอีกว่า ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากความเครียดหลายด้าน เพราะตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาดร้านมีลูกค้าน้อย และผู้ตายยังป่วยเป็นโรคประจำตัวหลายโรค เคยบ่นอยู่บ่อยครั้งว่า เบื่อชีวิต แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เพราะผู้ตายเป็นคนชอบพูดทีเล่นทีจริงจนไม่รู้เรื่องไหนเรื่องเล่น เรื่องไหนเรื่องจริง ซึ่งทุกคนก็ไม่เคยรู้เลยมาก่อนเลยว่าผู้ตายมีอาวุธปืนด้วย กระทั่งมาก่อเหตุจริงดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร้านอาหารดังกล่าว ก่อตั้งโดย นักแสดง นักจัดรายการ และพิธีกรอารมณ์ดีชื่อดัง ที่อยู่ในวงการบันเทิงมานาน ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับผู้ตาย ที่มารับช่วงต่อกิจการ เบื้องต้นตำรวจมอบศพให้กับอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯเพื่อผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.