เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 67 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยผลการจับกุมตัว น.ส.ณัฐสุดา (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 490/2567 ลงวันที่ 27 พ.ค. 67 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด”

โดยชุดจับกุม ประกอบด้วย พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี, พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. สามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าบ้าน หมู่บ้านสระแก้ววิลล์ ตำบลพระประโทน อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ว่า มีมิจฉาชีพโทรศัพท์มาหาผู้เสียหาย อ้างว่าผู้เสียหายเคยลงทะเบียนเปิดใช้งานเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน จากนั้น ได้มีการลวงทำทีให้ผู้เสียหายติดต่อทางไลน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ จากนั้นได้ปรากฏไลน์ชื่อบัญชี “สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่” เข้ามาที่ไลน์ของผู้เสียหาย และได้มีการส่งข้อมูลหน้าหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ชื่อ-สกุลของบุคคลคนหนึ่งซึ่งผู้เสียหายไม่เคยรู้จัก พร้อมกับได้ส่งข้อมูลบัญชีธนาคารกรุงเทพสาขาหาดใหญ่ และภาพถ่ายทะเบียนราษฎรของผู้เสียหายให้ผู้เสียหายทราบ แล้วได้มีการแจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนพัวพันกับคดีฟอกเงิน ซึ่งต้องให้ผู้เสียหายโอนเงินไปทำการตรวจสอบบัญชีและลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะเปลี่ยนมาโทรฯผ่านไลน์พูดคุยกันจนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินจากบัญชีธนาคารต่างๆ ของตนให้ตรวจสอบจำนวน 10 ครั้ง เมื่อวันที่ 23 ก.พ. รวมเป็นเงินกว่า 1.4 ล้านบาท

ต่อมา เมื่อผู้เสียหายโอนเงินจนครบทุกบัญชีธนาคารที่ตนมีแล้ว ได้ตรวจสอบข้อมูลที่คนร้ายซึ่งแอบอ้างส่งข้อมูลมาให้ทราบทางไลน์ พบว่า บัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจที่คนร้ายส่งมาแอบอ้างมีการลบด้วยปากกาแดงที่เลขประจำตัว และได้มีการโทรศัพท์ปรึกษากับเพื่อนจึงทราบว่าตนถูกหลอก จึงมีการไปแจ้งความ ต่อมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้พิจารณาอนุมัติหมายจับ น.ส.ณัฐสุดา อายุ 26 ปี หนึ่งในบัญชีม้าที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ และตำรวจสามารถจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า เมื่อช่วงประมาณเดือนมกราคม 2566 ตนประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากลูกของตนไม่สบาย จึงได้หาช่องทางเพื่อหาเงินมาใช้จ่าย ได้มีเพื่อนได้ติดต่อมาให้ตนไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา แต่ตนตอบได้ปฏิเสธไปเนื่องจากต้องอยู่ดูแลลูกที่ไม่สบาย ตนจึงได้คิดหาวิธีการหาเงินโดยที่ไม่ต้องห่างจากลูก จนได้เจอเพจ เฟซบุ๊ก รับซื้อบัญชีธนาคาร ชื่อว่า “รับซื้อบัญชีธนาคาร” จึงเกิดความสนใจ จึงได้ติดต่อไปยังบุคคลที่โพสต์ดังกล่าว จากนั้นบุคคลดังกล่าวได้ให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคาร โดยบุคคลดังกล่าวแจ้งว่าจะนำบัญชีธนาคารไปใช้เกี่ยวกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ SLOT โดยเสนอให้ค่าจ้างในการเปิดบัญชี บัญชีละ 2,000 บาท ตนจึงได้ไปเปิดบัญชีธนาคารกรุงเทพ ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารออมสิน ธนาคารกสิกร ธนาคารกรุงไทย รวมทั้งหมด 5 บัญชีธนาคาร พร้อมกับเปิดบัตร ATM และซิมโทรศัพท์ซึ่งใช้ผูก OTP กับบัญชีธนาคารทั้ง 5 บัญชี หลังจากนั้นตนได้นำบัญชีธนาคารและบัตร ATM พร้อมกับรหัสผ่าน และเบอร์โทรศัพท์ซึ่งใช้ผูก OTP กับบัญชีธนาคารทั้ง 5 บัญชี ส่งไปรษณีย์ที่อยู่จำได้ว่าอยู่ในพื้นที่ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยตนได้ค่าจ้างในการเปิดบัญชีรวม 10,000 บาท โดยตกลงกันไว้ว่าจะได้รับค่าจ้างหลังจากที่ตนได้ส่งบัญชีไปให้บุคคลดังกล่าวและบุคคลดังกล่าวได้ตรวจสอบบัญชีธนาคารว่าใช้ได้จริง จึงจะโอนค่าจ้างในการเปิดบัญชีมาให้ หลังจากที่บัญชีธนาคารไปถึงปลายทางประมาณ 2 วัน ตนจึงได้รับโอนค่าจ้างในการเปิดบัญชี

ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้นำตัว น.ส.ณัฐสุดา นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่าหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย อีกทั้งแจ้งเตือนให้ระมัดระวังการถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า อย่าให้บัญชีธนาคารหรือเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นนำไปใช้เด็ดขาดเนื่องจากอาจเป็นช่องทางให้คนร้ายนำบัญชีไปใช้ในการก่ออาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชน ตลอดจนโทษกรณีการเปิดบัญชีม้า ในปัจจุบัน มีอัตราโทษหนัก คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า) นอกจากนี้ ผู้เป็นธุระจัดหา จ้างผู้อื่นมาเปิดบัญชีม้าก็มีโทษหนักเช่นเดียวกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (คนจัดหาบัญชีม้า) หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์นั้นจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ.