สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปารีส เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ว่า นายฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รมว.การต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวในการปิดการประชุมว่า ฝรั่งเศสสามารถรวบรวมความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม มูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับเงินอีกประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6,760 ล้านบาท) สำหรับกองกำลังความมั่นคง ทำให้ยอดรวมอยู่ที่เกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33,800 ล้านบาท) หรือมากกว่านั้น เนื่องจากการบริจาคครั้งล่าสุด

ทั้งนี้ ยอดรวมดังกล่าวเกินเป้าหมายที่ฝรั่งเศสไว้ 500 ล้านยูโร (ราว 18,300 ล้านบาท) และมากกว่าจำนวนเงิน 400 ล้านยูโร (ราว 14,600 ล้านบาท) ที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ร้องขอไว้สำหรับเลบานอน ซึ่งบาร์โรต์กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,500 ราย และผู้พลัดถิ่นเกือบ 1 ล้านคน ในการสู้รบตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา

ฝรั่งเศส ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์กับเลบานอน และมีชาวเลบานอนพลัดถิ่นอยู่ในประเทศเป็นจำนวนมาก กำลังผลักดันข้อตกลงหยุดยิง 21 วันร่วมกับสหรัฐ เพื่อเปิดพื้นที่ในการหาข้อตกลงสงบศึกที่ยั่งยืนมากขึ้น อีกทั้งรัฐบาลปารีสยังต้องการนำข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) กลับมาใช้

“สงครามต้องยุติโดยเร็วที่สุด และต้องมีการหยุดยิงในเลบานอน” ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส กล่าวขณะนั่งข้างกับนายกรัฐมนตรีนาจิบ มิกาตี ผู้นำเลบานอน ซึ่งเขาเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศร่วมมือกัน และสนับสนุนความพยายามในการหยุดยิงทันที

อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าทางการทูตของรัฐบาลปารีสกลับถูกจำกัด เนื่องจากข้อตกลงการหยุดยิงในเลบานอน จำเป็นต้องมีอิสราเอล และอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เข้ามามีส่วนร่วม แต่ทั้งสองประเทศไม่ได้รับเชิญร่วมการประชุมครั้งนี้.

เครดิตภาพ : AFP