สวัสดีค่ะ แฟนๆ “บันเทิงเดลินิวส์” ทุกท่าน วนมาเจอกันทุกสัปดาห์กับ “นูน่าเมี้ยน” นะคะ ซึ่งมาพร้อมพื้นที่ที่จะพาแฟนๆ ทุกคนมาอัปเดตเรื่องราวของวงการบันเทิง K-Pop นักแสดง ไอดอลเกาหลีในรอบสัปดาห์แบบพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟผ่านคอลัมน์ “SeoulStation” โดยสัปดาห์นี้นูน่าจะพามาพูดถึงประเด็นร้อนของวงการ K-Pop ที่ยังคงเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และมีแฟนคลับจำนวนมากต่างพากัน “ลุกขึ้นสู้” เพื่อ “ศิลปินที่รัก” กับเรื่องราวของ “ฮง ซึงฮัน” (Hong Seunghan) อดีตสมาชิกวงบอยกรุ๊ปสุดฮอตอย่าง “RIIZE” หลังจากที่ต้นสังกัดอย่าง “SM Entertainment” ประกาศสั่งพักกิจกรรมอย่างไม่มีกำหนดไปเมื่อ 22 พ.ย. 66 เนื่องมาจากเรื่องราวในสมัยอดีตที่ถูกนำมาเผยแพร่โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ยินยอม และข่าวปลอมต่างๆ ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำลายชื่อเสียงตั้งแต่ก่อนการเดบิวต์ ทั้งหมดนี้นำไปสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย จนสุดท้ายกลายมาเป็นการ “ถูกบีบ” และ “ประกาศถอนตัวออกจากวง” ในที่สุด

ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แฟนคลับที่อยู่ในวงการ K-Pop มานานก็จะต้องทราบอยู่แล้วว่า ไม่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องแต่งหรือเรื่องจริง บทสรุปสุดท้ายมักจะจบลงด้วยการ “พักงานแบบไม่มีกำหนด” และลุกลามไปสู่การประกาศ “ถอนตัวออกจากวง” เนื่องจากข่าวที่เกิดขึ้นเป็นการขัดต่อค่านิยมของอุตสาหกรรมนี้ เพราะ “ภาพลักษณ์” ของเหล่าไอดอลจะต้อง “บริสุทธิ์ดุจผ้าขาว” ถึงแม้เหล่าแฟนคลับจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และพร้อม “ให้อภัย” กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และพร้อมที่จะ “ให้โอกาส” กับเหล่าไอดอลหลายๆ คนอีกครั้งเพื่อจะกลับมาทำตาม “เส้นทางความฝัน” ของตัวเอง แต่ทาง “นายทุน” หลายๆ ที่มักที่จะมองข้ามเสียงเหล่านี้ และเลือกที่จะทำตามขนบเก่าอันล้าหลังที่วางไว้กันมาอย่างยาวนาน และยิ่งหากเป็นวงที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม เสียงก็เหล่าแฟนคลับก็จะยิ่งเบาบางยิ่งกว่าสายลม แต่ถ้าเป็นค่ายใหญ่ขึ้นมาก็จะมี “แรงกระเพื่อมเล็กน้อย” ให้ถูกพูดถึง แต่สุดท้ายก็ถูกปัดตก และถูกกลืนหายไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง 

ซึ่งหากเหล่าไอดอลเหล่านั้นยังคงมี “ไฟต่อสู้” ก็จะยังคงลุกขึ้นมาทำงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง แต่หากหมดแรงลงก็จะถูกกลืนหายไปตามเวลา ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ไม่แค่เกิดกับกรณีของ “ซึงฮัน” เป็นครั้งแรก แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ของซึงฮันได้กลายเป็น “แรงกระเพื่อมครั้งสำคัญ” ที่เสียงของเหล่าคลับดังขึ้นจนหลายฝ่ายต่างฉุกคิดขึ้นมาได้ แม้จะมีการกระทำอันน่า “น่ารังเกียจ” ของแฟนคลับ “บางส่วน” ที่หลายคนไม่เห็นด้วย ทั้งเรื่องการส่ง “พวงหรีด” ต่อต้านการกลับมาซึงฮันไปตั้งไว้ที่บริเวณหน้าตึก  SM Entertainment ท่ามกลางความไม่พอใจของกลุ่มแฟนคลับที่มองว่าต้นสังกัด SM Entertainment ไม่ทำหน้าที่ปกป้องและมอบความยุติธรรมให้กับศิลปินในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ตามมาด้วยคำถามที่สร้างความค้างคาใจว่า “ทำไมเสียงของคนเพียงกลุ่มเดียว ถึงมีอำนาจในการตัดสินใจชีวิตของคนคนหนึ่งได้มากขนาดนี้?” ในขณะที่ความผิดพลาดในอดีตของซึงฮันที่เกิด “ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความสามารถของเขา” เลย แต่กลับกลายเป็นว่าความคาดหวังในตัวตนของไอดอลเกาหลี มีมากกว่าแค่การแสดงความสามารถบนเวที

ก่อนหน้านี้มีศิลปินอีกมากมายที่ต้องเจ็บปวดจากความเข้าใจผิด ข่าวปลอม หรือเรื่องส่วนตัวอย่างการออกเดต และพวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้พูดปกป้องตัวเอง แม้แฟนคลับทั่วโลกต่างมองว่า “ไอดอลคือปุถุชนคนธรรมดา” ที่ยังมีกิเลส มีรัก มีโลภ มีโกรธ มีหลงเป็นเรื่องธรรมดา แต่ต่างจากแฟนคลับเกาหลีที่ยังคงคลั่งลัทธิ “บูชาไอดอลดังเทพเจ้า” แตะต้องไม่ได้และไร้ซึ่งมลทิน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้ก็เพิ่งจะเกิดได้ไม่นานกับ “ไอดอลตัวเล็ก” ที่เสียงของเหล่าแฟนคลับไม่สามารถเปล่งออกมาเพื่อปกป้องเขาได้ และยิ่งแย่กว่านั้นที่เขาจะต้องสิ้นสุดสัญญาวง และออกจากค่ายไปด้วย ไอดอลคนนั้นก็คือ “ฮวารัง” (Hwarang) หรือ “ซงแจวอน” (Song Jae won) อดีตสมาชิกวง “TEMPEST” หลังจากที่ต้นสังกัดอย่าง “Yuehua Entertainment” ได้ออกแถลงการณ์สั่งพักงานฮวารังชั่วคราว ซึ่งการตัดสินใจเกิดขึ้นหลังจากมีข้อกล่าวหาในระหว่างงานแจกลายเซ็นต์ผ่านวิดีโอคอล แฟนๆ อ้างว่าเคยเห็น “ฮวารัง” ที่คลับแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นการหาข้อเท็จจริง ทางต้นสังกัดได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวบนโซเชียลอย่างเป็นทางการของ TEMPEST โดยเน้นเนื้อหาที่เผยแพร่ไม่ได้สะท้อนถึงความจริง แต่ฮวารัง แสดงการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ และสาบานว่าจะไม่ทำพฤติกรรมดังกล่าวซ้ำอีกในอนาคต และขอให้แฟนๆเชื่อมั่นในตัวเขาอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ผลจากการถูกพักงานของฮวารัง ทำให้เขาถูกถอนตัวจากบทบาทของเขาในฐานะ MC รายการเพลง “Show Champion” ของ MBC M ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาเข้ารับได้ไม่นาน รวมถึงการคัมแบ๊กมินิอัลบั้มที่ 5 ที่มีชื่อว่า “TEMPEST Voyage” ซึ่งจะไม่มีฮวารังเข้าร่วมการคัมแบ๊กนี้ร่วมกับเพื่อนสมาชิกอีก 6 คน

ซึ่งการพักงานชั่วคราวของฮวารังในครั้งนั้น ได้เกิดประเด็นการโต้เถียงที่หลากหลายในหมู่แฟนๆ โดยบางคนตั้งคำถาม ถึงความจำเป็นในการขอโทษสำหรับการปรากฏตัวในคลับทั้งที่ “ฮวารังนั้นได้เป็นผู้ใหญ่แล้ว” (ฮวารังเกิดในปี 2001 มีอายุ 23 ปี) การเข้าสถานที่บันเทิงผิดตรงไหน? และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เขาถูกพักงานนานกว่า 5 เดือน  ก่อนที่สุดท้ายต้นสังกัดจะออกมาประกาศการสิ้นสุดสัญญาของฮวารัง โดยระบุว่า “หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบโดยตกลงร่วมกัน ฮวารัง ได้สิ้นสุดกิจกรรมในฐานะสมาชิก TEMPEST และยุติสัญญาพิเศษกับบริษัท” ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ไอดอลจะต้องถูก “ดับไฟฝัน” เพียงเพราะ “ความคาดหวังในตัวตนของไอดอลเกาหลี” ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความสามารถของเขาเลย เพราะฮวารังเป็นอีกหนึ่ง “ผลผลิตวงการ K-Pop” ที่มี “พรสวรรค์ และ พรแสวง” ที่ต่อสู้มาอย่างนานหลายปีกว่าที่จะได้เดบิวต์เป็นศิลปินเต็มตัว ทั้งๆที่ฮวารังพยายามพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และฝันแล้วฝันเล่า แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเขาก็ไม่ย่อท้อ ขอลุกขึ้น “ปักหมุดโชคชะตา” ของตัวเองด้วย “ความสามารถที่มี” จนเขาได้ก้าวเข้ามาทำความรู้จักกับแฟนๆที่เขารักและรักเขาและกลายมาเป็น “ฮวารัง”ที่ทุกคนรัก 

ทั้งนี้ เหตุการณ์ของฮวารัง ส่งผลให้เกิดประเด็นโต้เถียงถึงความไม่ชัดเจนในการตัดสินใจสิ้นสุดสัญญาของต้นสังกัดบนโลกออนไลน์ของแฟนคลับทั่วโลก รวมถึง “เจฟฟ์ เบนจามิน” (Jeff Benjamin) เคป๊อปคอลัมนิสต์ของบิลบอร์ด (KPop columnist Billboard) ที่ได้ออกมาตั้งข้อสงสัยถึงประเด็นดังกล่าวนี้ว่า “ผ่านไป 2 วันแล้ว ฉันยังไม่เข้าใจสิ่งนี้เลย ในแถลงการณ์เบื้องต้นทางสังกัดได้เน้นย้ำว่านี่คือชีวิตส่วนตัวของเขา และกล่าวว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ตรงกับเรื่องราวที่เผยแพร่ ทางโซเชียลมีเดีย” ซึ่งทั้งหมดมันคลุมเครือ แต่ขณะเดียวกันค่ายก็จัดการกับข่าวแบบเกินกว่าเหตุ และค่ายไม่เผยความจริง ที่ให้ศิลปินพักงานก็ดูสมเหตุสมผลเพราะทำเพื่อให้เรื่องซาลง แต่หลังจากนั้น 5 เดือน เขาก็ออกจากวงซะงั้น ถ้ามันต่างจากเรื่องที่ถูกกล่าวหาในอินเตอเน็ต แล้วเรื่องจริงมันคืออะไร ทางค่ายและศิลปินสร้างภาพลักษณ์ร่วมกันด้วยการออกชื่อเพลง “Bad News”, “Young & Wild” และ “Dangerous” แต่การไปคลับในเวลาว่างกลับกลายเป็นว่าต้องโดนลงโทษให้ออกจากวง บางทีฉันอาจจะพลาดอะไรบางอย่างไป แต่รู้สึกเหมือนว่ามันไม่เข้ากัน และมันน่าเสียดายที่รู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ยังคงไม่ชัดเจน”

การตัดสินใจของค่าย Yuehua Entertainment ก็ยังคงสร้างความค้างคาใจ และคำถามมากมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับเหล่าแฟนคลับ และชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก แต่อย่างที่กล่าวข้างต้น การเกิดมาเป็น “ไอดอลตัวเล็ก” ท่ามกลางอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นี้ เสียงของฮวารัง รวมถึงแฟนคลับที่อยากจะ “ลุกมาปกป้องเขา” มากเพียงใด ก็ไม่สามารถที่จะพังทลายกำแพง “ค่านิยมเก่าแก่คร่ำครึ” ของวงการนี้ไปได้ สุดท้าย “เส้นทางความฝัน” ที่แสนสวยงามของไอดอลคนหนึ่งก็ต้องถูกดับลง และถูกกลืนหายไปกลับความมืดมิดไร้แสงแห่งความหวัง

เหตุการณ์เหล่านี้ที่เกิดขึ้นทำให้โลกได้รับรู้ว่าวงการไอดอลเกาหลีนี้กำลังบิดเบี้ยวไปแบบใด การลุกขึ้นยืนต่อสู้ของเหล่าแฟนคลับซึงฮันจึงถือเป็นก้าวยิ่งใหญ่ และก้าวสำคัญที่กำลังเกิดขึ้น ทำให้เสียงของแฟนคลับตัวเล็กๆ แม้มันจะแผ่วเบา แต่เมื่อเราจับมือกัน และรวมใจกันเป็นหนึ่งแล้วส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกัน เสียงเหล่านั้นก็สะท้อนก้องขึ้นมาให้โลกได้รับรู้ และทำให้คนนอกที่ไม่ใช่แฟนๆ ตระหนักถึงความไม่สมเหตุสมผลของวงการไอดอล  ที่เป็นเรื่องราวเล็กๆและธรรมดาของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดต ตลอดจนเรื่องการสูบบุหรี่ แต่เมื่อไอดอลทำ “กลับกลายเป็นความผิดร้ายแรงจนไม่น่าให้อภัย” 

ท้ายที่สุด หากการต่อสู้ของแฟนๆเพื่อ “ศิลปินที่เขารัก” ครั้งนี้ประสบความสำเร็จก็จะสร้างการตระหนักถึงปัญหาในอุตสาหกรรมวงการไอดอลและอาจจะนำไปสู่การพัฒนาในด้านทัศนคติที่บ่งบอกว่า “ไอดอล” ก็เป็น “คนธรรมดา” ที่จับต้องได้ มีผิด มีถูก มีอดีต และมีอนาคต แต่หากครั้งนี้ไม่ชนะ หรือมันล้มเหลว วงการไอดอลก็คงจะ “บิดเบี้ยว” ไปมากกว่าเดิมและคงเป็นแค่ “แสงที่ปลายอุโมงค์” ที่ไม่รู้ว่าชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน คนจะเข้าใจและไปถึงมัน!.


คอลัมน์ “SeoulStation”
โดย “นูน่าเมี้ยน”