เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พร้อมด้วยประชาชนผู้เสียหาย เข้ายื่นหนังสือถึง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือ เพื่อขอให้ตรวจสอบความคืบหน้าจากคดีที่มีผู้เสียหายโดนหลอกลงทุน และมีคดีที่อยู่ภายใต้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมทั้งนำทรัพย์ที่ยึดคืนมาได้ คืนให้แก่ผู้เสียหาย

นายแทนคุณ กล่าวว่า ปัจจุบันมีคดีที่ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก อาทิ 1.คดีแชร์แครอท ที่มีผู้เสียหายกว่า 1,000 ราย ซึ่งดีเอสไอสอบสวนแล้วกว่า 300 ราย และไม่มีการขยายผลเพิ่ม ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นการหลอกให้เทรดเงินในแพลตฟอร์มปลอม โดยใช้ค่าเงินต่างประเทศ และมีการจัดกิจกรรมใช้ธรรมะบังหน้าเพื่อหลอกพระภิกษุสงฆ์ด้วย มูลค่าความเสียหายกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งตนได้ส่งชื่อให้ประธานสภาทราบว่ามีใครบ้างที่เป็นผู้กระทำความผิด โดยคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2566 2.คดีหลอกลงทุน สปอร์ต อาบิดทราจ เป็นการหลอกให้ลงทุนในกีฬาต่าง ๆ ความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาทเช่นกัน ซึ่งเกิดความเสียหายมา 4 ปีแล้ว และยังไม่มีความคืบหน้า

นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า 3.คดีถูกชักชวนให้ลงทุนกันกับบริษัท ออสซี่ออยล์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด เป็นการหลอกลงทุนในโครงการรถเก็บขยะพลังงานไฟฟ้า คลังน้ำมันชุมชน มีความเสียหาย ประมาณกว่า 822 ล้านบาท 4.คดีถูกหลอกให้ลงทุนกับบริษัท คอนเซ็ปต์ ซีรีส์ จำกัด ที่เป็นการหลอกให้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลทาอิเล็กทรอนิกส์ แก่เจ้าของเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ทั่วโลก มีผู้เสียหายกว่า 3,400 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,500 ล้านบาท 5.คดีหลอกให้สมัครทำงานออนไลน์ ต่อมาพบว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ล้วนมีฐานะลำบาก มีผู้เสียหายนับ 1,000 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 200 ล้านบาท และ 6.คดีการหลอกลงทุนในบริษัท Super Good Money (SGM) ซึ่งมีผู้เสียหายกว่า 1,000 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า มูลค่าความเสียหายรวม 6 คดี ประมาณ กว่า 4,600 ล้านบาท แต่นี่เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่เซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจของชาติ โดยมีการประเมินว่าคนไทยถูกหลอกทางออนไลน์เป็นอันดับ 4 ของโลก เกิดจากความไม่รู้หลักการและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน การไม่เท่าทันเทคนิค วิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีวิธีการที่แยบยลขึ้น ช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า และที่สำคัญปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นภาคเอกชนที่อาจมีการเจือสมกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วย

นายแทนคุณ กล่าวว่า ปรากฏการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิต ทรัพย์สิน สุขภาวะของประชาชน หลายคนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัวและคิดสั้นฆ่าตัวตาย หลายคดีที่ทาง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์ไปแล้ว และหลายคดีก็ยังไม่ยึดทรัพย์ ซึ่งในคดีที่ยึดทรัพย์ไปแล้ว อยากจะขอให้ประธานสภา หาทางช่วยเหลือประชาชนในการได้รับเฉลี่ยทรัพย์คืน เป็นทรัพย์ที่ต้องพิสูจน์ว่าเป็น ความเสียหายจริง ซึ่งหากต้องรอจนสิ้นสุดกระบวนการยุติธรรม อาจจะต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี ทั้งนี้ หลังจากมีเรื่องคดีของ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด อาจจะมีเทวดาจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกาะกินบ่อนทำลายหาผลประโยชน์กับบุคคลเหล่านั้นหรือไม่ ทำให้คดีต่าง ๆ ถูกประวิงเวลาออกไปอย่างผิดปกติ การสอบสวนใช้เวลาเป็นกี่ปี บางคดี 6 ปียังไม่คืบหน้า และผู้เสียหายจะเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมเหล่านี้ได้อย่างไร