นับเป็นเวลายาวนานเกือบ 50 ปีหลังจากเกิดเหตุฆาตกรรมหญิงสาววัย 19 ปีที่หายตัวไปจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งในรัฐอิลลินอยส์ กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพบความเชื่อมโยงและระบุตัวตนของฆาตกรได้โดยอาศัยหลักฐานใหม่ที่ได้จากการตรวจสอบดีเอ็นเอ

เมื่อเดือนมีนาคม 2522 แคธี ฮัลลี หญิงสาววัย 19 ปีหายตัวไประหว่างที่กำลังจะไปรับน้องสาวที่ศูนย์การค้าใกล้บ้านในหมู่บ้านนอร์ธออโรรา เขตเคนเคาน์ตี รัฐอิลลินอยส์ 

ไรอัน พีท นักสืบของกรมตำรวจนอร์ธออโรรา กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ในเบื้องต้น ตำรวจสอบสวนคดีของฮัลลีโดยถือว่าเธอเป็นบุคคลสูญหาย แต่หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ ก็มีการพบศพของเธอในแม่น้ำฟอกซ์ 

แคธี ฮัลลี ผู้ซึ่งตำรวจเพิ่งพบว่าเธอคือหนึ่งในเหยื่อของฆาตกรต่อเนื่องชื่อดัง

หลังจากการสืบสวนเป็นเวลานานหลายปี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ชี้ว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ และคดีก็เงียบไปจนกระทั่งปี 2563 ตำรวจจึงกลับมาพิจารณาคดีนี้อีกครั้งหลังจากพบความเชื่อมโยงกับดีเอ็นเอของบรูซ ลินดัล ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าตัวตายในปี 2524 โดยเปรียบเทียบดีเอ็นเอของเขาที่ได้จากคดีฆาตกรรมผู้หญิงอีกคนหนึ่งชื่อพาเมลา เมาเรอร์ หนึ่งในเหยื่อสาวยืนยันได้ว่าเขาคือคนลงมือฆ่า ทั้งนี้ ลินดัลตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าสังหารหญิงสาวไปเกือบ 20 รายในช่วงทศวรรษที่ 70-80

นักสืบพีทกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของนอร์ธออโรร่าใช้เทคโนโลยีนิติเวชใหม่เพื่อเชื่อมโยงหลักฐานดีเอ็นเอที่พบในเสื้อผ้าของฮัลลีกับดีเอ็นเอของลินดัลที่เก็บรวบรวมไว้ระหว่างสืบคดีของเมาเรอร์

บรูซ ลินดัล ฆาตกรต่อเนื่องจากยุคทศวรรษที่ 70-80

“ลินดัลมีความเชื่อมโยงกับคดีอื่นๆ ในพื้นที่นี้หลายคดีนับในกรอบเวลาดังกล่าว” พีทกล่าว “ด้วยหลักฐานใหม่นี้ ร่วมกับหลักฐานจากคดีที่คล้ายกันซึ่งเกี่ยวข้องกับลินดัล เราจึงสรุปได้ว่าลินดัลคือผู้ลงมือทำให้แคธี ฮัลลีเสียชีวิต”

ตอนนี้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าลินดัล ซึ่งมักจะไปที่ศูนย์การค้าที่ฮัลลีทำงานอยู่ เป็นคนลักพาตัวเธอจากที่จอดรถของอาคารอพาร์ตเมนต์ของเธอ และขับรถพาตัวเธอไปยังบริเวณที่พบศพของหญิงสาวในภายหลัง

“แม้ว่าการกลับมาพิจารณาคดีนี้อีกครั้งจะเป็นเรื่องยากอย่างเหลือเชื่อ แต่เราก็รู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งที่ในที่สุดก็สามารถยุติคดีได้หลังจากผ่านไป 45 ปี” ครอบครัวของฮัลลีแถลงระหว่างการแถลงข่าว “ต้องขอบคุณความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดีเอ็นเอและเครื่องมือที่ล้ำสมัย เราหวังว่าครอบครัวอื่นๆ จะไม่ต้องทนต่อความทุกข์ทรมานและความไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแบบที่เราต้องเผชิญมาหลายปี”

ที่มา : edition.cnn.com 

เครดิตภาพ : North Aurora Police Department