เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2567 ที่รัฐสภา ตัวแทนเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน นำโดย นายณธกร นิธิศจรูญเดช เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายรณรงค์สาธารณะ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตผู้ต้องขังการเมืองสังคมและผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 นางเพชรลดา สุรฤทธิ์ธำรง แม่ของนายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน นายณัฐชนน ไพโรจน์ ผู้ดำเนินรายการและผู้ดำเนินคดีมาตรา 112 เข้ายื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องให้ที่ประชุมสภา รับรายงานและผลการศึกษาของกรรมาธิการที่จะมีการลงมติในวันนี้ โดย น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม เป็นตัวแทนประธานสภาในการรับยื่นหนังสือ
นายสมยศ กล่าวภายหลังการยื่นหนังสือว่า คนที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 เป็นผลสืบเนื่องจาก การทำรัฐประหาร 2549 ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการต่อสู้ปกป้องพรรคการเมือง ไม่ให้ถูกรัฐบาลเผด็จการยุบพรรค รวมถึงการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นเราในฐานะที่เป็นประชาชน ที่ออกมาต่อต้านรัฐประหารและที่ออกมาแสดงความคิดเห็น กลับโดนกล่าวหา จึงขอให้ทุกพรรคการเมืองได้รับทราบ ถ้าไม่มีบุคคลเหล่านั้น อาทิ นายอานนท์ นำภา ทนายความและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน เราก็จะไม่มีการเลือกตั้งถึง 2 ครั้ง ประเทศไทยจะตกอยู่ภายใต้การปกครองในระบอบเผด็จการ และไม่มี สส. ทุกพรรคการเมือง
นายสมยศ กล่าวค่อว่า ดังนั้น จึงเป็นโอกาสอันดีที่พรรคการเมือง จะคืนความเป็นธรรมด้วยการนิรโทษกรรมโดยไม่ยกเว้นคดีใด โดยเฉพาะคดีมาตรา 112 ที่ปัจจุบันมีถึง 280 คน ที่ถูกกล่าวหา และ ถูกจองจำถึง 42 คน ดังนั้น วันนี้เราขอให้สภารับรองรายงานของกรรมาธิการที่มี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำรักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมาธิการชุดนี้ ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่พรรคเพื่อไทยจะไม่รับรายงานฉบับนี้ เพราะมีทุกพรรคการเมืองอยู่ในกรรมาธิการชุดนี้ จึงไม่มีเหตุผลใด ๆที่จะคว่ำรายงานฉบับนี้เช่นกัน เพราะใช้เวลาในการศึกษาไปแล้วถึง 6 เดือน มีการประชุมหารือกับทุกฝ่ายไปแล้ว ดังนั้นจึงขอให้สภา มีความกล้ารับรายงานฉบับนี้ อย่าตกอยู่ภายใต้อิทธิพลที่ชักนำหรือชี้นำ เพื่อรักษา ระบบรัฐสภา และกระบวนการนิติบัญญัติเอาไว้ และเชื่อว่า หากมีการนิรโทษกรรมจะยุตติความขัดแย้งต่าง ๆ และประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไป
ขณะที่ น.ส.ศศินันท์ กล่าวภายหลังการยื่นหนังสือว่า ขอบคุณตัวแทนเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนทุกคนที่เข้ามายื่นหนังสือ และวันนี้ในเวลา 13.30 น. จะมีการพิจารณารายงานและอาจจะมีการลงมติ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งนี้ รายงานฉบับนี้มีความสำคัญมาก ตนจึงอยากให้ทุกคนช่วยกันติดตาม ว่าหากการรายงานในครั้งนี้ผ่านขึ้นมา จะผ่านได้ในรูปแบบใด ตนขอยืนยันรายงานที่จะผ่านได้นั้น โดยปกติไม่ใช่เรื่องยาก เป็นสิ่งที่เราสามารถกระทำรายงานให้ผ่านได้ รวมถึงรายงานฉบับนี้ไม่ใช่รายงานที่จะถึงขั้นผูกพัน จนเราไม่สามารถรับรายงานได้ ซึ่งตนก็เคยได้ชี้แจ้งไปแล้วในชั้นของกรรมาธิการ ทั้งนี้ ตนจะนำข้อเสนอไปส่งให้กับประธานสภาและกมธ.วิสามัญในลำดับต่อไป