สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ว่าโฆษกของแมคโดนัลด์ย้ำว่า การระบาดของเชื้ออีโคไลจากการรับประทานแฮมเบอร์เกอร์ ควอเตอร์ พาวเดอร์ “จำกัดอยู่แค่ในสหรัฐเท่านั้น” ขณะที่นายทอม สกินเนอร์ โฆษกศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) เตือนว่า “อาจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก”

นายโจ เออร์ลิงเกอร์ ประธานแมคโดนัลด์สหรัฐ กล่าวว่า บริษัทจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชนอีกครั้ง หลังสั่งถอดเมนูดังกล่าวออกจากหน้าร้านแมคโดนัลด์แล้ว 1 ใน 5 จากทั้งหมด 14,000 แห่งในประเทศ รวมถึงรัฐโคโลราโด, แคนซัส, ยูทาห์ และไวโอมิง และสาขาบางส่วนในรัฐไอดาโฮ, ไอโอวา, มิสซูรี, มอนแทนา, เนแบรสกา, เนวาดา, นิวเม็กซิโก และโอคลาโฮมา

ทั้งนี้ เชื้ออีโคไลสายพันธุ์ “โอ157:เอช7” เป็นเชื้อสายพันธุ์เดียวกับการระบาดที่ร้านอาหาร “แจ็ค อิน เดอะ บ็อกซ์” เมื่อปี 2536 ซึ่งทำให้มีเด็กเสียชีวิต 4 ราย

TODAY

แม้ซัพพลายเออร์ของแมคโดนัลด์ทดสอบผลิตภัณฑ์บ่อยครั้ง และเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานของซีดีซี แต่ยังไม่มีฝ่ายไหนสามารถระบุที่มาของการพบเชื้ออีโคไล

อนึ่ง นักวิเคราะห์มองว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้แมคโดนัลด์อยู่ในภาวะ “ระส่ำ” และ “เสียเปรียบ” การเปิดเผยผลประกอบการล่าสุด เหมือนดั่งที่บริษัทชิปโปเติล เม็กซิกัน กริลล์ เคยประสบเมื่อปี 2558 โดยต้องใช้เวลาถึง 1 ปีครึ่ง เพื่อทำให้ยอดขายคงที่

มีความเป็นไปได้ว่า ยอดขายของแมคโดนัลด์ในไตรมาสที่ 4 หรือไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ อาจได้รับแรงกดดันจากการระบาดของเชื้ออีโคไล แต่ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า แย่กว่ากรณีในอดีตหรือไม่.

เครดิตภาพ : AFP