เมื่อวันที่่ 24 ต.ค. ดร.ณรงค์ ไปวันเสาร์ นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออกและอุปนายกสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลกระทบที่เกิดกับคนพิการซึ่งมีอาชีพขายลอตเตอรี่ หลังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ออกสลาก N3 หรือหวย 3 หลักเพื่อแก้ปัญหาหวยใต้ดินและลอตเตอรี่ราคาแพงเป็นงวดแรกว่า ได้ทำให้ยอดขายลอตเตอรี่ของคนพิการหายไปทันที 50% ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้พิการก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจจนทำให้ยอดขายลดลงอย่างต่อเนื่องมาแล้ว และนับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มออกหวยดิจิทัลผลกระทบต่อการขายลอตเตอรี่ของผู้พิการและผู้ค้าหวยใบก็เริ่มหนักขั้นเรื่อยๆ ซึ่งหากในอนาคตเมื่อมีการออกหวยเกษียณ ก็ยิ่งเชื่อว่าจะเป็นการปิดฝาโลกอาชีพขายลอตเตอรี่ของคนพิการในทันที

“…เฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก ยอดขายลอตเตอรี่คนพิการเริ่มลดลงเรื่อยๆ ตามภาวะเศรษฐกิจเฉลี่ยประมาณ 10-20 % แต่นับจากวันที่รัฐบาลออกหวยดิจิทัลยอดขายลอตเตอรี่คนพิการก็ลดลงมากถึง 50% ในวันนี้แค่หวย N3 ออกมางวดเดียวก็ทำให้ลอตเตอรี่ของกลุ่มคนพิการแทบขายไม่ได้แล้ว บางคนนั่งขายตั้งแต่เช้าถึงบ่ายได้แค่ 3 ใบ และเชื่อว่าในงวดต่อๆไป ยอดขายลอตเตอรี่ของคนพิการก็น่าจะลดลง 50-70% อย่างแน่นอน…” ดร.ณรงค์ กล่าวและเผยต่อด้วยว่า

ทางสมาคมฯ เคยสะท้อนปัญหาไปยังรัฐบาล และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลตั้งแต่เริ่มมีการออกนโยบายเรื่อง “หวยดิจิทัล” รวมทั้งการรวมตัวของคนพิการ เพื่อเรียกร้องและยื่นหนังสือถึงผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจแต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข เนื่องจากเขาเหล่านั้นมองว่าหน้าที่หลักของรัฐบาล คือ การทำให้ราคาลอตเตอรี่ถูกลง และรัฐมีหน้าที่ดูแลประชาชน ไม่ได้มีหน้าที่ดูแลคนขาย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว สำนักงานสลากฯ มีหน้าที่ทำให้คนในทุกกลุ่มสามารถอยู่ร่วมกันได้ เคยถามว่าหากคนพิการไม่ขายลอตเตอรี่ แล้วจะมีทางเลือกให้คนพิการ คนแก่ คนชรา หรือไม่ เพราะวันนี้เราคิดไม่ออก แต่หากจะให้คนพิการไปนั่งขอทานก็ทำไม่ได้เพราะมี พ.ร.บ.คนพิการแล้ว หากจะไปค้าขาย จะไปทำงาน สภาพร่างกายก็ไม่เอื้อ เราจึงต้องเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้ช่วยหาทางออกให้กับคนพิการ ผู้ค้าหวยใบ ชาวไร่ ชาวนาที่ยังเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี เพื่อให้พวกเราสามารถอยู่ในสังคมได้โดยไม่เป็นภาระใคร

ดร.ณรงค์ ยังเผยถึงโอกาสที่จะได้เห็นม็อบคนพิการในกรณีดังกล่าวว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะในช่วงหลายรัฐบาลที่ผ่านมาเมื่อมีม็อบคนพิการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งเข้ามารับฟังและแก้ไขปัญหา แต่การทำม็อบใน รัฐบาลลุงตู่ กลับถูกมองว่าคนพิการเป็นศัตรู เป็นผู้ทำผิดกฎหมาย ต่อให้ประท้วงเท่าใดก็ไม่มีใครฟัง และคนพิการรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ รู้สึกว่ารัฐบาลมองคนพิการว่าเป็นแค่คนกลุ่มแรกที่เจะคิดถึงเวลาหาเสียง และคิดถึงเป็นคนสุดท้ายเมื่อจะกำหนดนโยบายต่าง ๆ วันนี้คนพิการจึงอยากเรียกร้อให้รัฐบาลมองว่า คนพิการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและขอให้ดูแลคนพิการให้เท่าเทียมกับคนทั่วไป

“…วันนี้ขอฝากผ่านสื่อมวลชนว่าหากท่านยังซื้อหวยใบ ท่านไม่ใช่ได้แค่ลุ้นโชค แต่ท่านยังมีส่วนช่วยสังคม ช่วยคนพิการให้ได้มีโอกาสอยู่ในสังคม คนพิการแค่มาขอโอกาสทำงานและขายของและแค่ต้องการรักษาอาชีพค้าสลาก หรือหวยใบไว้ เพราะเป็นอาชีพที่เหมาะสมกับคนพิการ ส่วนเรื่องหวยแพงเราไม่ใช่ต้นตอ แต่หวยแพงเกิดจากชาวบ้านที่เข้าไม่ถึงโควต้า ซ้ำในวันนี้รัฐบาลยังเอาโควตาเข้าไปอยู่ในระบบดิจิทัลจนหมด จึงถือเป็นการตัดโอกาสคนพิการ และวิงวอนขอให้ประชาชนช่วยอุดหนุนคนพิการและชาวบ้านด้วย…”

ด้าน นายแผน อินทรัตน์ ผู้พิการขายลอตเตอรี่ใน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เผยว่าหลังการเกิดขึ้นของหวย 2 ตัว 3 ตัว ได้ส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดต่อยอดขายลอตเตอรี่ของคนพิการ ทั้งที่คนพิการได้โควต้าขายลอตเตอรี่ไม่มากนัก วันนี้ต้องมาเจอกับการขายลอตเตอรี่ไม่ได้ เพราะประชาชนหันไปเลือกหวย 2 ตัวและ 3 ตัวในระบบดิจิทัล

“…วันนี้การขายหวยใบอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่มาก เพราะคนพิการหรือคนเดินขาย มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 300 บาทขึ้นไป ทั้งค่ากิน ค่าน้ำ ค่าไฟ จึงขอวิงวอนว่าขอโอกาสได้พวกเราได้เข้าถึงโควต้าสลากใบให้มากขึ้น เพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เพราะทุกวันนี้รายได้แค่วันละ 300 บาทยังทำได้ยาก…” นายแผน กล่าว

ส่วนผู้พิการขายลอตเตอรี่อีกราย บอกว่าในอดีตการขายลอตเตอรี่แต่ละงวดสามารถทำได้ง่าย แต่หลังจากมีสลากดิจิทัล หวย 2 ตัว 3 ตัว ทำให้การขายทำได้ยากขึ้น ลูกค้ากระจายตัวไปซื้อที่อื่น จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มโควตาให้กับผู้พิการที่ค้าสลากใบ และให้โควตาโดยตรงกับคนพิการ เพื่อลดปัญหาเรื่องการถูกบ่นว่า ว่าคนพิการขายลอตเตอรี่เกินราคา เพราะแค่ราคารับมาขายก็ใบละ 90 บาทแล้ว.