เชื่อว่า พรรคคงรู้ตัวดีว่า “คนจ้องล้มมันมีมากกว่าหนึ่ง” ซึ่งก็เป็นพวกคนอกหักซะส่วนนึง ( อาจเป็นส่วนมากด้วย ) ตั้งแต่กรณีนายทักษิณนอน รพ.ตำรวจหลายเดือนแล้ว ที่เขาพยายามจะสอบสวนกันอยู่ แต่นั่นก็เป็นส่วนของอดีตนายใหญ่พรรคเพื่อไทยเอง วันนี้มาเป็นคดีให้นำไปสู่การยุบพรรค รอดูเขาเรียกพยานหลักฐาน

วังวนแห่งการนิติสงคราม มุ่งใช้อำนาจ “เทวดา” ประหัตถ์ประหารกันทางการเมือง เป็นเรื่องน่าเบื่อ เพราะมันทำให้ประเทศชาติชะงักงันทุกครั้งที่จะมีการเปลี่ยนแปลง หรือเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องพูดถึงแค่ฝ่ายภาครัฐในไทย แต่สายตาที่ต่างประเทศมองมาก็ไม่มีความมั่นใจในเสถียรภาพรัฐบาล ถ้าเปลี่ยนขั้วจะกระทบการค้าการลงทุนเดิมหรือไม่

แต่ก็ช่วยไม่ได้ เมื่อรัฐบาลเอง อยู่ๆ พลิกท่าทีแบบน่างงทำไมไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา หรือ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่เป็นเรื่องของส่วนการใช้ประมวลจริยธรรม คือไม่ใช่ว่า จริยธรรมนักการเมืองไม่จำเป็นต้องมี แต่ที่มีปัญหาคือ มันไปใช้จริยธรรมชุดเดียวกับศาลและองค์กรอิสระ ซึ่งเป็นฝ่ายตรวจสอบที่ควรต้องสูงกว่าฝ่ายนิติบัญญัติ

อาจแก้ในส่วนของการลงโทษทางจริยธรรม ที่โทษไม่ต้องถึงตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต เพราะเป็นการทำลายสิทธิเสรีภาพของบุคคลเกินกว่าเหตุ ศาลควรลงมาจัดการนักการเมืองในแง่ของคดีความ การทุจริตประพฤติมิชอบ แต่ไม่ใช่ลงลึกไปถึงการจัดการด้านจริยธรรม ซึ่งไม่ได้มีกรอบอะไรเลยนอกจากความเห็นฝ่ายที่ตัดสิน

คดีหนึ่งที่ตัดสิทธิ์แบบ “อิหยังวะ?” กันทั้งเมือง คือคราที่ตัดสิทธิ์ “ช่อ น.ส.พรรณิการ์ วานิช” อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ โดยใช้รูปที่เจ้าตัวเคยถ่ายสมัยเรียนมาเป็น “สารตั้งต้น” และศาลสามารถให้ความเห็นได้เป็นฉากๆ ซึ่งใครจะรู้ว่า ในวัยเยาว์อะไรจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองบ้าง เพราะทำไปด้วยอารมณ์ สติปัญญาขณะนั้น

การใช้นิติสงคราม ส่งเข้ามือเทวดาเชือด ก็ยังมีอีกในกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่จะมีคนบ้าไปรื้อฟื้นว่าเคยมีความคิดเป็นคอมมิวนิสต์มาหาเรื่อง แล้วเช่นนี้ถ้าหน่วยงานตรวจสอบบ้าจี้รับ บรรดาคนเดือนตุลาจะโดนถอดถอนไปแค่ไหน คือเอาจริงถ้าจะจับผิดกันทุกเรื่อง แต่ละคนมีอะไรให้จับกันทั้งนั้น

บางคนมีเรื่องให้เชือดได้ แต่เห็นต่อนยอน ( ชิลๆ ) ไปเรื่อย ไม่รู้จะโดนเชือดเมื่อไร เช่น สส.ที่ไม่เข้าประชุมสภายาวติดๆ กัน ซึ่งก็มีหลักฐานเชิงประจักษ์ จะบอกง่ายๆ แค่ส่งใบลาคืนเงินเดือน แต่แค่นั้นคิดว่า “ถูกต้องเหมาะสมตามหลักจริยธรรมหรือไม่ ?” ถ้าไม่อยากร่วมประชุมมากทำไมไม่ลาออกจาก สส.ให้คนพร้อมทำหน้าที่ขึ้นแทน

อีกเรื่องหนึ่งที่น่ารำคาญคือเหล่านักร้อง ใช่ว่าพวกนี้จะมีศีลธรรมดีเด่นอะไร ไปเชคดูเผลอๆ มีประวัติเบื้องหลัง อย่างเช่น ร้องเพื่อตบทรัพย์คนถูกร้อง ซึ่งจากคดีดิไอค่อน เราก็คงพอเห็นแล้วว่า “เวลาพวกร้องตบทรัพย์เจรจา มันพูดกันอย่างไร” เพราะ “บอสพอล” รายนี้ฉลาด ไม่ยอมตกเป็นเหยื่อ อัดไว้ทุกคำ..หรือทางการเมืองก็มีนักร้องที่ถูกสอบมาแล้ว

เป็นไปได้ไหมที่จะมีกฎหมายอะไรมาเพื่อจัดการเหล่านักร้อง หากพบว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือเจตนาไม่บริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ตาม จากปัญหาในวันนี้ ที่ไม่รู้ว่า เรื่องยุบพรรคเพื่อไทยจะไปถึงศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ สาเหตุหนึ่งก็มาจากรัฐบาลเองที่อยู่ๆ เปลี่ยนท่าที ไม่ยอมแก้ไขรัฐธรรมนูญเอื้อให้ตัวเองทำงานได้

มันก็จะเกิดอาการสะดุดขาตัวเองแบบนี้ไปเรื่อย จบเรื่องนี้มีเรื่องใหม่มา ก็ไม่แก้ปัญหาตอนมีโอกาส.