จากกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ” โพสต์ภาพพระสงฆ์ระบุว่าถูกหลอกลงทุนเทรด พร้อมข้อความระบุว่า “…บ้านแชร์น้องแครอท…ล้มแล้ว !! แชร์ลูกโซ่ของสงฆ์อีสาน…ผู้เสียหายส่วนใหญ่คือพระสงฆ์เกือบทั้งหมด หลังหลอกพระสงฆ์ที่อยู่ในภาคอีสานเข้าร่วมลงทุนเทรดกับบริษัทขายฝันอ้างไม่เกิน 5 ปี ได้บ้าน ได้รถตอนนี้มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 1,000 ล้านบาท…” ซึ่งภายในภาพยังมีป้ายที่ระบุสถานที่ว่ามีการจัดโครงการปฏิบัติธรรมภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่จังหวัดขอนแก่นด้วย ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. นายสุพจน์ (สงวนนามสกุล) ชาวจ.ขอนแก่น ตัวแทนผู้เสียหาย ได้นำหลักฐานเป็นคลิปเจ้าของโบรกเกอร์ WCF ที่พระสงฆ์ถูกหลอกร่วมลงทุนเทรดตามที่มีการเปิดเผยเรื่องราวในโซเชียลมีเดียมาแสดงต่อสื่อมวลชนหลังพบความเสียหายเกิดขึ้นภาพรวมทั้งประเทศ โดยนายสุพจน์ กล่าวว่า เหตุแชร์แครอทล้มนั้น ผู้เสียหายไม่ใช่มีแต่เฉพาะพระสงฆ์ ซึ่งจากการพูดคุยพบว่ามีผู้เสียหายจากหลายจังหวัด ซึ่งเป็นเรื่องของการเทรดค่าเงิน โดยได้ส่งข้อมูลแจ้งความกับทางทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ผวจ.ขอนแก่น และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ไปทั้งหมดแล้ว กระทั่งมีการตรวจสอบพบว่าเป็นการหลอกลวงเทรดฟอเรกซ์ที่มีการตรวจสอบเอาผิดมาก่อนหน้านี้

โดยผู้เสียหายหลายคนมาร้องเรียนให้ช่วยเรื่องทางกฎหมายกับเรา เพราะเรามีสำนักงานด้านฝ่ายกฎหมายคอยช่วยเหลือประชาชนด้วย จากการหาข้อมูลหลักๆ ทราบว่า ขอนแก่นนั้นเป็นแหล่งที่มาของ WCF มีสำนักงานตั้งอยู่ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ปัจจุบันทราบว่าขายให้กับเจ้าของคนใหม่ไปแล้ว โดยสร้างแพลตฟอร์มปลอม ว่ามีการเทรด Forex จริงในตลาดเทรด ในการเข้าลงทุน จะมีการสร้างเครือข่ายการระดมทุนให้คนเข้า Copy Trade, Trade เองในตลาด แต่เป็นแพลตฟอร์ม Forex ปลอมไม่มีการเทรดจริง ใช้การระดมคนเข้าเทรดโดยมีโบรกเกอร์ ชื่อ WCF หรือชื่อเต็มคือ Worldclass Financial Intelligence เป็นโบรกที่แจ้งว่า สามารถรับการเทรดเงินสกุลดอลลาร์ได้ แต่ความเป็นจริงนั้นไม่ได้รับการรับรองให้เทรดได้ โดยแต่ละโบรกเกอร์จะเชื่อมกับต่างประเทศ และกฎหมายของประเทศไทยมีการแจ้งเตือนมาแล้วจะไม่มีที่ไหนเทรดได้นอกจากกลุ่มธนาคาร กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ หรือกลุ่มไฟแนนซ์ต่าง ๆ นอกนั้นไม่สามารถทำได้ ซึ่งแกนนำและวิทยายกรบางคนที่รู้ว่ามีความไม่ชอบมาพากลได้ถอนตัวออกมาและมาให้ข้อมูลกับเราพร้อมหลักฐานที่เป็นความจริง

ในช่วงแรกมีผู้เสียหายมาปรึกษากับตน 3 คน โดยได้มีการเข้าแจ้งความจนทาง เจ้าของ WCF โทรศัพท์ติดต่อมาหาตนเอง ขอรายชื่อคนที่ไปแจ้งความเพื่อจะขอจ่ายเงินคืน และก็ได้เงินคืนทันทีทั้งหมด ทั้งพยาบาล ทั้งอาจารย์ รายละ 300,000-900,000 บาท แต่เป็นการจ่ายเงินคืนแบบโอนให้ผ่านบุคคล ไม่ใช่มาจากระบบการเทรด ซึ่งความเป็นจริงระบบนี้จะต้องมีการจ่ายมาจากต่างประเทศ หลังจากนั้นผู้เสียหายหลายคนกว่า 100 ราย เมื่อทราบว่าได้เงินคืนก็พากันเข้ามาพบตนเองให้ช่วยประสานงานทางกฎหมายให้

แต่สุดท้ายแล้วเราก็ทำได้เพียงประสานงานต่อไปให้ทาง DSI สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กระทั่งมีข่าวแชร์แครอทที่ปรากฏในสื่อต่างๆ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่การเล่นแชร์แต่เป็นการเทรดลงทุนที่หลอกลวงขึ้นโดยเจ้าของโบรกเกอร์คือ “ดร.ภานุวัชร” ซึ่ง “ดร.ภานุวัชร” นั้น เคยบวชเรียนมาก่อน จะมีการอบรมที่ มจร.หลาย ๆ จังหวัดในภาคอีสาน และมีการจัดกิจกรรมโครงการคล้ายกับอคาเดมีพระสงฆ์มาอบรมหลายรูป และจะเชิญชวนให้อยากลงทุนเทรดให้ได้รับผลกำไร และทีมงานส่วนใหญ่จะเป็น ดร.และเรียนมาทางสายโรงเรียนยวัดหรือทางมหาวิทยาลัยสงฆ์เป็นส่วนใหญ่”

นายสุพจน์ กล่าวต่ออีกว่า การที่ให้พระมาอบรมหรือมีโครงการปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ข้อมูลที่ตนเองมีคือแผนการในการรวมพระสงฆ์มารับข้อมูลจูงใจให้ร่วมลงทุนเทรด เพราะทุกๆ การจัดโครงการหรือการอบรมมักจะได้เงินจากพระมาลงทุนตลอด และไม่ใช่เฉพาะพระ แต่มีบุคคลอื่นๆ ในกลุ่มเป้าหมายที่เป็นข้าราชการครูเกษียณระดับผู้อำนวยการ บางรายมีนามสกุลดังระดับประเทศ แต่บางรายไม่กล้าเปิดเผย ไม่กล้าเอาเรื่องต่อ เพราะกลัวครอบครัวรู้ว่าเอาเงินเก็บทั้งชีวิตมาลงทุน จนหมดไปเกือบล้าน และจากข้อมูลการตรวจสอบของทาง DSI พบว่ามีผู้เสียหายที่มียูเซอร์ในระบบรวม ๆ แล้วกว่า 2 พันราย และแต่ละรายจะมีการลงทุนคนละ 1 พรอต โดย 1 พรอตเท่ากับ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเป็นเงินไทยจำนวน 316,000 บาท มูลค่าความเสียหายรวมแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมกับผู้เสียหายที่ยังตรวจสอบไม่ได้

กระทั่งเรื่องดังกล่าวนี้ทาง DSI คนที่ทำคดีระดับ ผอ.จู่ ๆ ถูกย้ายไปและเรื่องก็เงียบไปพร้อมกัน กระทั่งมีผู้เสียหายออกมาร้องกับทางเพจอีซ้อ และอี้ แทนคุณ ให้ผลักดันเรื่องนี้ให้มีการตรวจสอบขึ้นมาใหม่อีกครั้งหลังเงียบไปเกือบ 1 ปี และที่ผ่านมาตนเองก็ยังเคยถูก เจ้าของ WCF ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งเราได้มีการโพสต์เตือนภัยไปในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ แต่สุดท้าย ทางเจ้าของ WCF ได้ขอถอนฟ้องไป โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากเป็นคดีด้วย และขอยุติเรื่องนี้ ซึ่งเรายืนยันว่าเราไม่ได้กล่าวหาใคร รวมทั้งมีแถลงการณ์ของ WCF ออกมาถึงผู้เสียหายว่าอย่าดำเนินคดีกับทาง WCF เพื่อจะได้มีเงินมาคืน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากหลักฐานที่ปรากฏพบว่าผู้เสียหายยังเป็นในส่วนของฆราวาส ซึ่งมีคลิปหลักฐานในการอบรมและชักชวนลงทุนเทรดโดย เจ้าของ WCF แต่ในส่วนของพระสงฆ์นั้น ที่ปรากฏภาพการอบรมยังไม่มีคลิปหลักฐานที่เป็นคำพูดของ เจ้าของ WCF ที่ชักชวนพระสงฆ์ลงทุนแต่อย่างใด และเรื่องดังกล่าวนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่นและคณะสงฆ์ฝ่ายปกครองระดับจังหวัด และในเรื่องดังกล่าวนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เนื่องจากในช่วงที่มีการดำเนินคดีตรวจสอบจากหลายหน่วยงานตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา ยังพบว่า มีการชักชวนให้คนมาลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทางผู้เสียหายจึงมีการส่งเรื่องต่อให้กับทางเพจอีซ้อ และทางคุณอี้ แทนคุณ เพื่อให้มีการตรวจสอบขึ้นมา หลังจากพบว่า ที่ผ่านมาคดีสำคัญ ๆ โดยเฉพาะคดีของ บริษัทดิไอคอน มีการตรวจสอบที่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว.